ไลฟ์สไตล์

สภาคณบดีวิศวะเตรียมชี้ขาดปี54รับตรงเพิ่มเท่าใด

สภาคณบดีวิศวะเตรียมชี้ขาดปี54รับตรงเพิ่มเท่าใด

17 พ.ย. 2552

สภาคณบดีวิศวะเตรียมชี้ขาดปี2554 รับตรงเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ แจงเบื้องต้น อาจให้แต่ละคณะ แต่ละมหาวิทยาลัยรับตรงได้ตามความเหมาะสม ขอไม่เกิน 60 % นำผลคะแนนGAT-PATมาใช้ ขณะที่ “คณบดีวิศวะลาดกระบัง” เผยระบบรับนิสิตนศ.กำลังถอยหลัง สู่ยุคเด็กว

เมื่อวันที่ 17   พ.ย.2552  รศ.อุรุยา   วีสกุล    คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมของที่ประชุมสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ว่า การประชุมของกลุ่มย่อยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาถึงผลการประชุมของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาหรือแอดมิชชั่นส์ ประจำปีการศึกษา 2554 ที่จะใช้ คือ ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมม.ปลาย (GPAX) 20% ผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) 30% การทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) 10-50% และการทดสอบความถนัด ทางวิชาชีพ (PAT) 0-40% ซึ่งค้านกับข้อเสนอของที่ประชุมสภาคณบดีคณะวิศวะ ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วน PAT3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ 50% เบื้องต้นในการรับสมัครนิสิตนักศึกษาในปี 2554 เป็นต้นไป นั้น ที่ประชุมได้รวมรวบข้อเสนอให้แต่ละคณะ แต่ละมหาวิทยาลัย สามารถกำหนดสัดส่วนการรับตรงได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความต้องการของแต่ละคณะเอง โดยขอไม่ให้เกิน 60 % และให้นำผลคะแนนGAT/PAT มาใช้เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาคะแนน

 "ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาเป็นเพียงการประชุมของกลุ่มย่อย เพื่อพิจารณาข้อสรุปของที่ประชุมทปอ. และรวบรวมแนวทางในการรับสมัครนิสิตนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของกลุ่มคณะวิศวะ โดยจะนำเสนอในที่ประชุมใหญ่อีกครั้งในวันศุกร์ที่ 20 พ.ย.2552 เพื่อหาข้อสรุป เป็นแนวทางในการนำไปใช้ในปีถัดไป"รศ.อุรุยา กล่าว

 รศ.ดร.กอบชัย    เดชหาญ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะวิศวะ ของสจล. ได้มีการรับสมัครนักศึกษาผ่านการรับตรง โครงการวิทยาศาสตร์ และแอดมิชชั่นส์ ซึ่งผลการประชุมของทปอ.ยืนยันตามที่ประกาศไว้ ทางคณะวิศวะ สจล.คงต้องดำเนินการตาม แต่สัดส่วนระหว่างรับตรงกับแอดมิชชั่นส์ คงเปลี่ยนแปลงไป โดยรับตรงอาจเพิ่มเป็น 60 % และแอดมิชชั่นส์ 40% โดยจะยึดรับนักศึกษาผ่านรับตรงก่อน เหลือที่นั่งเท่าไหร่ จะรับเพิ่มจากแอดมิชชั่นส์ เพราะหากไม่เปิดรับตรงมากขึ้น ทางคณะคงไม่ได้เด็กตรงกับความต้องการ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กเสียเวลาในการเรียนไปหนึ่งปี หรือ2 ปี เนื่องจากหากเด็กเข้ามาเรียน และเรียนไม่ได้ก็ต้องออกไปเริ่มใหม่

 “ตอนนี้ระบบการคัดเลือกเด็กเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกำลังถอยหลังสู่ยุคก่อนที่จะมีเอนทรานซ์ เพราะมหาวิทยาลัยเปิดรับตรงมากขึ้น เด็กก็วิ่งสอบเหมือนเคย ส่วนที่จะให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) เป็นศูนย์กลางในการรับตรงนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากมีศูนย์กลางรับตรงแล้ว คณะยังไม่ได้เด็กตามที่ต้องการ เชื่อว่าแต่ละแห่งคงเป็นรับตรงเองอีกรอบ ดังนั้น ทางที่ดี แต่ละสภาคณบดี ทปอ. ควรประชุมหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน” รศ.ดร.กอบชัย กล่าว