
หนีฝุ่นไปฟอกปอดบนยอดดอย
"สถานีเกษตรสันป่าเกี๊ยะ" อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ช่วงที่ค่าฝุ่นพีเอ็ม 2.5 มีแต่จะหนาตา และไม่มีทีท่าว่าอากาศในเมืองหลวงจะดีขึ้น เหลียวซ้ายแลขวา ดีที่สุดคงต้องเอาตัวออกจากฝุ่น มุ่งหน้าไปหาหมอกเย็นๆ ยามเช้าน่าจะเข้าที ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋า มุ่งหน้าขึ้นดอยแม่ตะมาน ไปที่ “สถานีเกษตรสันป่าเกี๊ยะ” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่ตั้งใจไว้ว่าอยากจะไปแต่ยังหาโอกาสไม่ได้สักที
หมู่บ้านเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขาดอยแม่ตะมาน
“สถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ” แห่งดอยแม่ตะมาน หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหู แต่สำหรับเหล่าแคมเปอร์ นักเดินป่าผู้ชื่นชอบแสวงหาที่กางเต็นท์นอนชมธรรมชาติทั้งหลาย น่าจะมีชื่อนี้อยู่ในลิสต์ของหมุดหมายปลายทาง เพราะที่นี่มีวิวดีๆ ของดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งเป็นภาพพาโนราม่าตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ชนิดที่ลืมตาตื่นเปิดเต็นท์ออกมา ก็จะได้เห็นภาพดอยหลวงเชียงดาวอยู่ในระดับสายตาเป็นไฮไลท์แบบที่ต้องมาที่นี่เท่านั้น
ทันทีที่ลงรถไฟสายอุตรวิถี กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ รถไฟตู้นอนขบวนใหม่ที่ใครๆ ก็อยากใช้บริการ ก็รีบจับรถกระบะคันใหญ่มุ่งตรงไปที่สถานีเกษตรฯ ซึ่งตั้งอยู่ในหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน ต.แม่นะ อ.เชียงดาว ระหว่างนั่งอยู่บนรถไฟได้ทำการบ้านมาแล้วว่า ก่อนจะขึ้นไปต้องจัดการตระเตรียมเสบียงอาหารคาวหวานเครื่องดื่มไปให้พร้อม เพราะข้างบนมีบริการให้เช่าแค่อุปกรณ์ทำอาหารไว้บริการเท่านั้น
ดอกไม้เมืองหนาว
หากวัดตามระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไป อ.เชียงดาว ดูจะใช้ระยะเวลาในการเดินทางไม่นานนัก ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็ได้เห็นป้ายคำว่า “เชียงดาว” อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ระยะทางจากเชียงดาวขึ้นไปดอยแม่ตะมานนี่สิ ตัวเลขอาจดูไม่ไกลมากประมาณ 21 กม. แต่กว่าจะฝ่าถนนดินลูกรังที่ทั้งชันและขรุขระขึ้นไปถึงได้ใช้เวลาเดินทางราวๆ 1-1.30 ชั่วโมง เรียกได้ว่าร่างเขย่าจนอาหารเช้าที่จัดหนักมาแบบเต็มที่ย่อยหายไปไม่มีเหลือ แต่เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง หนทางแสนยากลำบากดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่มองข้ามไปได้ทันที ความเย็นที่กระทบผิวกายพร้อมกับกลิ่นอายแห่งความสดชื่นของอากาศบนยอดดอย และภาพของท้องฟ้า ต้นไม้ ดอกไม้ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าช่วยให้หายเหนื่อยลืมหิวเป็นปลิดทิ้ง
จุดกางเต้นท์บนดอย
บนสถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ นอกจากจะมีลานกว้างกางเต็นท์แล้วยังมีบ้านพักไว้บริการ ทั้งบ้านเดี่ยวส่วนตัว มีเครื่องนอน เครื่องครัว ห้องน้ำในตัวแบบพร้อมสรรพ หรือแบบบ้านพักเรือนแถวห้องน้ำรวมมีไว้ให้เลือกตามความชอบใจ แต่ต้องโทรศัพท์นัดหมายจองล่วงหน้า ส่วนคนที่ตั้งใจขึ้นมากางเต็นท์ต้องเตรียมอุปกรณ์และเครื่องนอนทุกอย่างมาให้พร้อม จากที่สอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลที่อยู่ประจำได้ความว่าที่นี่อากาศดีตลอดปี แต่ในช่วงฤดูหนาวก็หนาวสมชื่อ อย่างช่วงที่มาเป็นช่วงปลายเดือนมกราคม ขนาดบ่ายกว่าๆ แดดจ้าก็ยังเย็นชื่นใจ
เด็กๆ เตรียมเข้าเรียน
จัดแจงเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยจะให้นั่งตากลมมองฟ้า ชมวิวอยู่เฉยๆ ก็ดูจะผิดวิสัย ว่าแล้วก็สะพายกล้องถ่ายรูปออกไปเก็บภาพวิวรอบๆ คงเข้าทีกว่า เดินไปเดินมาเลยถือโอกาสซ้อมวิ่งไปด้วยในตัว เดินๆ วิ่งๆ บนถนนดินลูกรังที่ทางราบดูเหมือนจะน้อยกว่าทางชันประมาณสัก 3 กม. ก็ถึงหมู่บ้านสันป่าเกี๊ยะ ใครอยากจะมาซ้อมวิ่งเทรลแนะนำว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวัง เพราะได้ใกล้ชิดธรรมชาติอารมณ์ไม่ต่างกับวิ่งในป่าสมใจนักเทรล เดินเข้าไปในหมู่บ้านสักหน่อยจะเจอโรงเรียนบ้านสันป่าเกี๊ยะ เด็กๆ ที่นี่ดูจะคุ้นเคยกับคนแปลกหน้า เพราะยืนตรงยกมือไหว้สวัสดีทักทายแบบไม่มีเคอะเขิน สอบถามครูเลยได้รู้ว่ามีหน่วยงานและผู้ใจบุญพากันขึ้นมาเอาของบริจาคให้อยู่เรื่อยๆ
นางพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทยผลิดอกสะพรั่ง
ยกนาฬิกาขึ้นมาดูถึงเวลาอันสมควรว่ายังจะต้องวิ่งขึ้นเนินกลับที่พัก เตรียมตัวทำอาหารมื้อเย็น และรอเวลาชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ เพราะที่นี่จะมีไฟให้ใช้เฉพาะช่วงเวลา 18.00-22.00 น. เท่านั้น ถ้าจะให้ดีควรต้องมีไฟฉายติดตัวมาด้วย บรรยากาศยามค่ำ ถึงแม้จะมืดมองไม่เห็นทิวเขา แต่เมื่อแหงนหน้าขึ้นฟ้าภาพดวงดาวกะพริบวิบวับเต็มท้องฟ้าสวยจับใจทีเดียว
ดอยสูง ดอกไม้ และความหนาวเย็น โรแมนติกสุดๆ
แม้อุณหภูมิความเย็นจะแตะหลัก 10 องศาจนถึงขั้นต้องห่มผ้าหนา 3 ชั้น แต่ด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่ไม่มีทางหาได้ในกรุงเทพฯ ไม่ต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นดูเหมือนทุกคนจะพร้อมใจกันตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์กันโดยพร้อมเพรียง และเมื่อเริ่มมีแสงรำไร ภาพดอยหลวงเชียงดาวที่มีม่านหมอกเคล้าเคลียก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ความสวยที่เห็นน่าจะบอกได้ว่ามากกว่าคำร่ำลือ นอกจากความยิ่งใหญ่ของดอยหลวงเชียงดาวที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแล้ว ช่วงปลายเดือนมกราคมแบบนี้ยังมีดอกพญาเสือโคร่งแข่งกันบานให้เห็นสีชมพูของซากุระเมืองไทยตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า มองแล้วก็ได้ยืนยิ้มกริ่มคิดในใจว่า ทริปนี้นอกจากปอดจะสะอาด หายใจสะดวกแล้ว ยังได้ฟอกใจพร้อมกับไปลุยกับชีวิตในเมืองใหญ่ต่อไปได้อย่างเต็มที่ จนกว่าจะพบกันใหม่ “สถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ” แห่งดอยแม่ตะมาน
เรื่อง-ภาพ : ธัชดล ปัญญาพานิชกุล