ไลฟ์สไตล์

ระบบแทรคชั่นคอนโทรล

ระบบแทรคชั่นคอนโทรล

08 พ.ย. 2552

ผมได้นำเสนอเรื่องของดิฟเฟอเรลเชี่ยลล็อก หรือลิมิเต็ดสลิป ไปเมื่อไม่นานในคอลัมน์นี้ สรุปคร่าวๆ ว่า ดิฟล็อกนั้นทำงานด้วยระบบกลไก มีประโยชน์ในการช่วยการทรงตัวของรถหรือป้องกันล้อหมุนฟรีของรถเมื่อเริ่มจากจุดหยุดนิ่งจนถึงความเร็วที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบก

ระบบดิฟล็อกแม้จะเป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์ แต่ก็ช่วยได้เพียงสองล้อที่เป็นล้อขับเท่านั้น ส่วนล้อตามก็ยังเป็นธรรมชาติของการหมุนของล้อตามปกติ เรามีระบบนี้ใช้กันมานาน จนเมื่อรถยนต์รู้จักระบบเบรกที่มีตัวช่วยอย่างที่เรียกว่า เอบีเอส เกิดขึ้น วิศวกรจึงนำเอาคุณประโยชน์ที่เหลือใช้จากการจับแล้วปล่อยของเบรกไปสร้างตัวช่วยเพื่อความปลอดภัยในระบบอื่นๆ เช่น ระบบ TCS Traction Control System, ระบบ ESP Electronic Stability Programs, ระบบ EBD หรือระบบ BAS

 ต้องกล่าวย้อนไปเล็กน้อยว่า ระบบ ABS นั้น จะมีชิ้นส่วนหลักอยู่ชิ้นหนึ่งคือ เซ็นเซอร์วัดความเร็วของล้อ ที่เรียกว่า  Wheel speed sensor เซ็นเซอร์ตัวนี้ในระบบ ABS จะถูกใช้ประโยชน์เมื่อล้อหยุดหมุนเมื่อเบรกเต็มที่ และเมื่อล้อหมุนเซ็นเซอร์ตัวนี้จะไปทำหน้าที่บอกความเร็วของล้อหรือคำนวณออกมาเป็นความเร็วรถออกมาบนหน้าปัดของรถยนต์

 ก่อนนี้เราใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์กันเพียงเท่านี้ จนเมื่อระบบอิเล็กโทรนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว วิศวกรจึงนำเอาความเร็วที่จับได้จากเซ็นเซอร์วัดความเร็วของล้อหรือของรถไปใช้ประโยชน์เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี ที่แต่ก่อนนั้นทำด้วยระบบกลไกและได้เพียงสองล้อขับเท่านั้น ระบบแทรคชั่น คอนโทรล หรือ TCS จึงเกิดขึ้นโดยใช้เซ็นเซอร์จับความเร็วของล้อจากระบบ ABS ที่ติดตั้งอยู่ที่ล้อทั้งสี่มาใช้งานให้เป็นประโยชน์ให้เกิดทั้งสี่ล้อ (จากความจริงที่ว่ารถยนต์เมื่อเคลื่อนที่จะอยู่ในเสถียรภาพในการขับที่ปลอดภัยล้อทั้งสี่ต้องหมุนด้วยความเร็วที่เท่ากัน)

กล่าวคือ เมื่อล้อใดล้อหนึ่งหมุนด้วยความเร็วที่มากกว่าล้ออื่นๆ ไม่ว่ารถยนต์ในขณะนั้นจะมีความเร็วบนหน้าปัดเท่าไรระบบ TCS ที่ได้รับสัญญาณจะเซ็นเซอร์วัดความเร็วที่ล้อทั้งสี่รายงานไปยังกล่องควบคุมว่ามีล้อหนึ่งหรือมากกว่าหมุนด้วยความเร็วมากกว่าล้ออื่นๆ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด

กล่องรับสัญญาณจะรับข้อมูลแล้วประมวลผลสั่งงานไปยังระบบ ABS ให้ล้อนั้นลดความเร็วลง โดยระบบเบรกจะไปทำให้ล้อนั้นชะลอความเร็วลงจนเท่ากับความเร็วของล้ออื่นๆ (หรือล้อที่หมุนช้าที่สุดในสี่ล้อ) ไม่ว่าล้อที่หมุนเร็วกว่านั้นจะเป็นล้อขับหรือล้อตามและไม่จำแนกว่าจะเป็นล้อหน้าหรือล้อหลัง

 TCS จึงเป็นตัวช่วยที่มีคุณประโยชน์ที่เหมาะสมกับการขับขี่ที่ควรจะมีติดรถไว้ TCS ในแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นอาจจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป แต่ก็อยู่ในจุดประสงค์ที่จะเป็นตัวช่วยเพื่อความปลอดภัยเช่นเดียวกัน

 อย่างไรก็ตาม แม้ว่า TCS จะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้อย่างมากมายในเรื่องของความปลอดภัย แต่รถยนต์ในปัจจุบันมีสมรรถนะที่สูงขึ้น กล่าวง่ายๆ ก็คือเร็วขึ้น แรงขึ้น TCS จึงมีประโยชน์ไม่เต็มที่ในสถานการณ์ที่รถอยู่ในความเร็วสูง การนำระบบ TCS ไปต่อยอดเพื่อลดความเร็วความแรงของเครื่องยนต์จึงเกิดขึ้นในนามของ ESP (Electronic Stability Programs)

 กล่าวง่ายๆ ว่า TCS เป็นออปชั่นหนึ่งของ ABS และ ESP ก็เป็นออปชั่นหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาของ TCS เมื่ออยู่ในความระดับหนึ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินรถเสียการทรงตัวจากการที่ล้อทั้งสี่หมุนไม่เท่ากัน TCS จะเริ่มทำงาน แต่รองเครื่องแรงม้าแรงบิดยังคงอยู่เท่าเดิม ระบบ EPS ก็จะเป็นผู้สั่งงานให้เครื่องยนต์ลดความเร็วลดรอบเครื่องลดแรงม้าแรงบิดลง แม้ว่าในขณะนั้นผู้ขับจะยังใช้เท้ากดอยู่บนแป้นคันเร่ง จนเมื่อใดที่รถกลับคืนมาอยู่ในเสถียรที่ปลอดภัย ESP และ ETS ก็จะยกเลิกการทำงาน

 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถต้องเข้าใจไว้ก่อนว่า TCS หรือ ESP หรืออุปกรณ์ที่มีชื่อเรียกต่างกันตามแต่ละยี่ห้อนั้น แต่มีองค์ประกอบครบสมบูรณ์รถยนต์คันนั้นจะต้องมีระบบ ABS ติดตั้งมาจากโรงงานก่อนแล้วเท่านั้น ถ้าไปพบรถคันใดรุ่นใดบอกว่ามี TCS หรือ ESP ติดตั้งมาจากโรงงานก็เชื่อไว้ก่อนเลยว่าท่านกำลังถูกแหกตา

 ในรถที่ติดตั้ง TCS หรือ ESP บางรุ่นบางยี่ห้อจะมีปุ่ม ON-OFF ให้กดเพื่อใช้งานในแต่ละสถานการณ์ ในขณะที่บางรุ่นบางยี่ห้อจะไม่มีปุ่มกดนี้ติดตั้งมานอกจากเครื่องหมายสามเหลี่ยมที่มีเครื่องหมายตกใจอยู่ตรงกลางโชว์ไว้บนหน้าปัด เป็นหน้าที่ของผู้ใช้ที่จะต้องศึกษาแล้วทำความเข้าใจแล้วจำให้ขึ้นใจว่าปุ่ม ON-OFF นั้นทำงานเมื่อใด หยุดทำงานเมื่อใด อย่างไร รวมทั้งในยี่ห้อหรือรุ่นที่มีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมก็ต้องรู้เช่นกันว่าถ้าไฟกะพริบที่สามเหลี่ยมเกิดขึ้นหมายความว่าอย่างไร

 ถ้าไฟไม่ติดหรือติดตลอด มีความหมายอย่างไร รวมทั้งในรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ติดตั้ง TCS หรือ ESP มานั้นท่านจะต้องเข้าใจด้วยว่าเมื่อขับอยู่ในตำแหน่ง 4H.4Lระบบ TCS-ESP จะทำงานเมื่อใดอย่างไร เพราะแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะมีความแตกต่างกัน

 หนังสือคู่มือประจำรถหรือฝ่ายเทคนิคของยี่ห้อนั้นๆ จะเป็นผู้ให้คำตอบที่ดีที่สุด TCS หรือ ESP เป็นตัวช่วยที่พิสูจน์มาแล้วว่าช่วยชีวิตผู้ใช้รถได้อย่างคุ้มค่าหลายประเทศกำหนดให้ ESP เป็นอุปกรณ์มาตรฐานประจำรถไปแล้ว
บ้านเราถ้าหากผู้ผลิตผู้ค้าผู้ขายจะเพิ่มระบบ ESP ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบความปลอดภัยเข้าไปแทนระบบเสริมแต่งความสวยความเท่ความสุขก็จะเป็นกุศลต่อผู้คนบนท้องถนนอย่างอนันต์นับ