
"นิโคลีน" กลับไทยแล้วพร้อมสานต่องานออทิสติก-อยากกินชาบู
"นิโคลีน" พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ หอบตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสเวิลด์ 2018 พ่วงควีน ออฟ เอเชีย กลับเมืองไทย
เมื่อเวลา 15.02 น.วันที่ 20 ธันวาคม ที่อาคารผู้โดยสารชั้น 2 ประตู 10 ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย น.ส.พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ หรือ "นิโคลีน" มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 หลังจากได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วยการคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสเวิลด์ 2018 พ่วงตำแหน่งควีน ออฟ เอเชีย จากการประกวดรอบตัดสินที่เมืองซานย่า สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมาได้ฤกษ์เดินทางกลับประเทศไทย ด้วยสายการบินฮ่องกง แอร์ไลน์ เที่ยวบิน HX775 ฮ่องกง-กรุงเทพฯ โดยบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และบริษัท สตาร์ดอม เอเชีย จำกัด ในนามกองประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ร่วมกับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จัดพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไบรอัล แอล.มาร์การ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางมาต้อนรับ “นิโคลีน” ด้วยตัวเองถึงประตูทางออก นอกจากนี้ยังมีเพื่อนนางงามอีกหลายคน เช่น “แพรว” น.ส.แพรววนิต เรืองทอง รองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018, “การ์ตูน” น.ส.ณัฏฐณิชา บุญปอง แชนแนลทรี แอมบาสเดอร์ เป็นต้น คอยต้อนรับ ก่อนที่ขบวนกลองยาวจะเริ่มบรรเลงเพลงสุดครึกครื้น รอต้อนรับ พร้อมกองทัพสื่อมวลชน แฟนคลับนางงาม และประชาชนทั่วไป หลายคนเตรียมภาพถ่ายนิโคลีนมาชู อีกทั้งมีป้ายชื่อขนาดใหญ่รอต้อนรับอย่างอบอุ่น ทันทีที่มาถึง ”นิโคลีน” ได้ส่งยิ้มพร้อมโบกมือทักทายผู้มาต้อนรับก่อนจะขึ้นเวทีแล้วโผเข้าสวมกอด นางสุวิชา โฮจิ มารดาที่มารอตั้งแต่เช้า จากนั้นก้มลงไปกราบเท้าด้วยความตื้นตันใจ โอกาสนี้ น.ส.ธัญชนก มูลนิลตา รุ่นพี่มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2015 รับหน้าที่สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกแรกที่กลับมาเมืองไทยหลังได้รับตำแหน่ง โดยนิโคลีนกล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้ เรียกว่าไม่เหนื่อย เพราะรู้ว่ามีคนไทยมารอรับอยู่ แต่ไม่คิดว่าแฟนๆ จะมารอรับเยอะขนาดนี้ ตลอดเวลาที่ไปประกวดก็รู้ว่าไม่ได้ไปคนเดียว รู้ว่ามีกำลังใจจากทุกคนไปด้วยเสมอ เมื่อเห็นแฟนๆทุกคนที่มารอ ก็รู้สึกขอบคุณมากๆ มีความสุข
เมื่อพิธีกรได้ถามถึงวินาทีที่ผ่านเข้ารอบ นิโคลีนกล่าวว่า ตอนนั้นรู้สึกตกใจมาก และตื่นเต้นที่ในที่สุดที่สร้างประวัติศาสตร์สำเร็จ เพราะรู้ว่าไม่ได้แค่สร้างประวัติศาสตร์ของตัวเอง แต่ยังเป็นนางงามไทยที่สร้างประวัติศาสตร์บนเวทีมิสเวิลด์แล้ว โดยหลังจากที่ประกวดจบในวันที่ 8 ธันวาคม ก็ได้อยู่ทำกิจกรรมต่อที่เมืองซานย่า ประเทศจีน และอยู่ทำความรู้จักกับสาวงาม และองค์กรมิสเวิลด์ทั่วโลก
“นิโคลขอขอบคุณทุกคน ทุกสะเต็ปของนิโคลีนที่อยู่บนเวทีรู้ว่ามีคนไทยคอยอยู่เคียงข้าง และภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ขอบคุณทุกคนที่ช่วยโหวต กดไลค์รูป ช่วยแชร์ และเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอ นิโคลตั้งเป้าไว้ว่า จะทำให้ดีที่สุดเพื่อประเทศไทย นำสายสะพายประเทศไทยเข้ารอบให้ลึกที่สุด ทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าทีทำได้ เพื่อให้ได้มายืน ณ จุดนี้ ” นิโคลลีน เผย
จากนั้นรองอันดับ 1 มิสเวิลด์คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ได้โชว์คัลเลอร์การ์ดควงโบกธงชาติไทยให้ได้รับชมแบบสดๆ เพราะเป็นความสามารถพิเศษที่เธอได้รับเลือกให้เล่นใหญ่ยืนเป็นเซ็นเตอร์ควงโบกธงช่วงโชว์เปิดรอบตัดสินมิสเวิลด์ 2018 ที่ทั่วโลกยังทึ่งกับความสามารถของตัวแทนประเทศไทย
ทั้งนี้ หลังจากให้สัมภาษณ์บนเวทีแล้ว นิโคลีนได้ลงมาเพื่อตอบข้อซักถามของบรรดาสื่อมวลชนต่อ โดยผู้สื่อข่าวถามว่ามงกุฎที่สวมมาวันนี้มีความหมายอย่างไร นิโคลีตอบว่าเป็นของตำแหน่ง “ควีน ออฟ เอเชีย” ส่วนมงกุฎรองอันดับหนึ่งได้ใส่ระหว่างอยู่เมืองจีน 1 สัปดาห์หลังจากที่ไดเรับตำแหน่ง วันนี้จึงอยากสวมมงกฎอีกอันมาให้คนไทยดู ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนประกาศผล 5 คนสุดท้ายรู้สึกอย่างไร นิโคลีนบอกว่า ตอนนั้นหูดับไปเลย รู้สึกเงียบมาก เงียบขนาดนี้ก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรในฮอลล์เลย พอได้ยินคำว่า "ไทยแลด์" ก็รู้สึกว่าเราได้เข้ามาลึกมาก นี่คือประวัติศาตร์ของประเทศไทย แล้วก็เดินขึ้นไปรับตำแหน่งอย่างภูมิใจ นี่คือจุดที่ลึกที่สุดที่ประเทศไทยได้เข้ารอบ มีความสุขมากๆ
“วินาทีนั้นบอกตัวเองว่าอย่าล้มๆ เพราะนี่คือวินาทีที่สำคัญที่สุดห้ามล้มเด็ดขาด แล้วเริ่มกังวลเหงื่อออกที่มือ เขาจะเรียกเราอีกไหม หรือว่าจะหยุดที่ท็อปห้า ภาวนาว่าขอเข้าไปอีกให้ลึกที่สุด อย่างน้อยก็รอง อย่างดีก็มงฯ ไปเลย กดดันมาก แต่ช่วงที่ตื่นเต้นที่สุดคงเป็นช่วงที่ต้องเป็นผู้นำควงธงชาติไทยบนเวที เพราะรอนานมากกว่าจะได้ขึ้นโชว์ พอได้โอกาสที่ย่ิงใหญ่ก็กังวลว่าจะทำธงตกไหม แต่ก็ภูมิใจที่ได้พาธงชาติไทยไปอยู่ในแด้นซ์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ดีใจมากๆ เราทำได้ทุกอย่างที่เราคิด ขณะเดียวกันนิโคลรู้ล่วงหน้า 3 อาทิตย์ว่าจะต้องมาทำหน้าที่นี้ แม้แต่แม่ก็ยังไม่รู้เลย ที่แน่ๆ ซ้อมทุกวันตลอด 3 อาทิตย์เลย” สาวนิโคล เผยปนรอยยิ้ม
ผู้สื่อข่าวถามว่าเครียดไหมระหว่างประกวด จริงๆ แล้วเหนื่อยเรื่องของเวลาการตื่นนอน เวลาไปทำกิจกรรม แต่สิ่งที่ทำให้หายเหนื่อยก็คือ อย่างแรกคือแฟนๆชาวไทย อย่างที่สองพยายามมีเพื่อนในกองเยอะๆ มีเพื่อนสนิทเป็นแคนาดา อเมริกา เม็กซิโก อยากให้ทุกคนมีความสุขเราไม่ได้อยู่บนเวทีคนเดียว เพราะเราไม่ได้ใส่สายสะพายแค่ชื่อเราคนเดียว แต่เรานำไปทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรคือจุดแข็งที่ทำให้ชนะใจกรรมการได้ นิโคลลีนตอบในทันทีว่า คงเป็นการที่เราเป็นตัวของตัวเอง บวกกับที่ทำโครงการจิตอาสา “เลิฟ ฟอร์ ออลล์” โครงการให้โอกาสผู้ป่วยออทิสติก ทำจริงๆ รับรู้ปัญหาจริงๆ เราสามารถที่จะสื่อสารออกไปให้ทุกคนทราบได้ นี่คือจุดแข็งของเรา และการที่ต้องแข็งกับสาวงามกว่าร้อยประเทศ ความยากอยู่ที่ ทุกคนเก่งหมด สวยหมด มีความสามารถ มีความแข็งแรง และมีทัศนคติที่ดีทุกคน แล้วแต่ปีนั้นเข้าจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของใคร เพราะว่าทุกคนสามารถเป็นมิสเวิลด์ได้หมด สามารถที่จะทำงานร่วมกับทุกคน ประทับใจมากที่คุณจูเลียเลือกเรา
ผู้สื่อข่าวถามถึงภารกิจต่อไปในฐานะทีมมิสเวิลด์ 2018 นิโคลีน แย้มว่าปีนี้มีภารกิจบิวตี้ ออฟ เดอะ เพอร์โพส ทัวร์ หรือ นางงามจิตกุศล จะเดินทางไปหลายประเทศ อย่างแอฟริกา เม็กซิโก ประเทศไทย อินเดีย เริ่มพฤษภาคมปีหน้า ส่วนงานด้านจิตอาสาของตนเองก็จะสานต่องานเกี่ยวกับผู้ป่วยออทิสติก อย่างแรกเลยจะมีศูนย์ประสานงานการกุศลนั่นคือส่วนหนึ่งของความคืบหน้าโครงการนี้ ที่สำคัญคุณจูเลีย ประธานองค์กรมิสเวิลด์จะเดินทางมาเมืองไทยด้วย มาช่วยโครงการเลิฟ ฟอร์ ออลล์ และผลักดันให้ไปสู่ต่างประเทศได้
“คุณจูเลียเข้ามาบอกว่ายินดีกับตำแหน่งนี้ เขาเป็นคนพูดน้อย แต่เป็นคนจริงใจกับทุกสิ่งที่เขาพูดออกมา เรารู้สึกได้ถึงความจริงใจของเขา ตอนประกวดนิโคลรู้สึกว่า เลิฟ ฟอร์ ออลล์ ได้ไปสู่ชาวโลกแล้ว ทุกคนถึงรู้ถึงศักยภาพของเด็กออทิสติก ทั้งโลกรู้ว่าเด็กออทิสติกต้องมีที่ยืนในสังคม นิโคลจะทำงานต่อไป เพื่อให้เด็กเหล่านี้ ยืนหยัดได้อย่างแข็งแรง ในกองประกวดมีหลายประเทศที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กออทิสติก อย่างอินโดนีเซีย บังคลาเทศ เราได้แชร์ไอเดียกัน บางคนถามนิโคลว่าเราสอนภาษาอังกฤษให้น้องๆ ยังไง นอกจากนี้นิโคลยังได้สอนดนตรีให้น้อง ๆ ไม่แน่โอกาสต่อไปพวกเขาอาจจะเดินทางมาร่วมกันทำงานในเมืองไทย รู้สึกภูมิใจที่จะมีคนมาช่วยทำให้โครงการเราแข็งแรงขึ้น” นิโคลีน แจกแจง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับโครงการนี้ที่มีน้องชายออทิสติกเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ หลังได้รับตำแหน่งนิโคลีนได้พูดคุยอะไรกับน้องชายบ้างหรือไม่ ซึ่งสาวจิตใจงามบอกว่า ตอนนั้นน้องชายได้ส่งคลิปวิดีโอมาให้ดูขณะอยู่ในรถบัส ก่อนเดินทางไปขึ้นเวทีประกวดรอบสุดท้าย ตนเห็นแล้วน้ำตาไหล โดยน้องบอกว่า "คุณทำได้" เป็นคำพูดแค่ไม่กี่คำ แต่รู้ว่าน้องจริงใจมาก น้องไม่ต้องการให้เราได้ที่หนึ่ง แต่อยากให้เรามีความสุขกับการประกวด นิโคลเองก็อยากให้น้องมีความสุขเช่นกัน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามถึงเส้นทางสายนางงามของนิโคลลีนมาถึงจุดสูงสูดแล้วหรือยัง? เจ้าตัว บอกปนใบหน้าเปื้อนยิ้มว่าถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ตำแหน่งมิสเวิลด์ แต่รู้สึกว่านี่แหละคือความภูมิใจของประเทศ จะนำความสำเร็จนี้ไปถ่ายทอดแก่รุ่นน้อง โดยเฉพาะการเตรียมตัวเข้าประกวด ปีหน้าใครอยากมาประกวดมาได้เลย สัญญาว่าจะช่วยน้องให้มากที่สุด ถ่ายทอดทุกส่ิงทุกอย่าง
“ถามว่าได้อะไรจากเวทีนี้บ้าง สิ่งแรกคืออย่ายอมแพ้ และยังทำมันต่อไป เช่น น้องๆ ออทิสติกอยากให้มีคนคอยสนับสนุนเขาตลอดเวลา เหมือนอย่างที่นิโคลมีคนมาสนับสนุน อยากให้ทุกคนรู้ว่าอย่ายอมแพ้ พยายามต่อไป ถ้าคุณยังไม่ถึงเป้าหมายของคุณ ก็ต้องมีเป้าหมายต่อไป เพื่อก้าวไปถึงจุดนันให้ได้ นิโคลอยากขอบคุณคุณแม่ แม้อยู่เบื้องหลังทุกๆ ส่ิง ทุกๆอย่าง ทุกเข็มกลัดที่แม่ติดอยู่บนเสื้อนิโคล เป็นส่ิงที่นิโคลตื้นตันมากๆ นิโคลรู้สึกโชคดีมากที่มีคุณแม่ที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ ขอบคุณแม่มีเป็นคุณแม่ที่วิเศษที่สุดบนโลกใบนี้ อยากให้คุณแม่ภูมิใจในตัวของตัวนิโคลีนค่ะ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากที่ แคทรีโอนา เกรย์ มิสยูนิเวิร์ส 2018 เคยได้ตำแหน่งรองอันดับ 1 บนเวทีมิสเวิลด์ และกลับมาแก้มือจนคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สปีนี้ได้นั้น ส่วนอยากสานต่อบ้างแบบนี้หรือไม่ นิโคลีน เผยว่า ตอนนี้ อยากมุ่งเรื่องการทำงานกับมิสเวิลด์ กับบีอีซี เทโรก่อน มีความสุขมากๆ แล้ว ต่อจากนี้อยากเรียน อยากทำงาน แต่ถ้าโอกาสเข้ามาเราก็อยากลองดู ตำแหน่งนี้ถือว่าสูงสุด ณ ตอนนี้แล้ว แต่อนาคตเป็นสิ่งที่เดาไม่ได้ ตอนนี้ขอเรียนก่อน ทำงาน เก็บเงิน ใช้วิชาที่เรียนเรื่องธุรกิจไปผลักดันโครงการ เลิฟ ฟอร์ ออลล์
“ตั้งแต่ได้ตำแหน่ง นิโคลีนต้องเตรียมตัวประกวด พอได้ตำแหน่งก็ต้องออกไปงานทุกวัน จนไปประกวด หรือโครงการเลิฟ ฟอร์ ออลล์ ก็มีวันที่นิโคลีนเหนื่อยมากๆ แต่ก็บอกตัวเองว่าเราไม่ได้เหนื่อยเพื่อตัวเอง แต่เหนื่อยเพื่อคนอื่น"
ท้ายที่สุดผู้สื่อข่าวถามว่า กลับมาเมืองไทยวันแรกอยากกินอะไรมากที่สุด นิโคลลีนตอบทันที ว่าชาบูค่ะ ที่เมืองจีนอาหารอร่อย แต่ก็ไม่เหมือนบ้านเรา อยู่บ้านเราได้กินกับเพื่อนๆ รู้สึกว่ามีความสุขกว่า