
แนะลดยาพารา500เป็น 325มิลลิกรัมแก้กินยาเกินขนาด
ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) มีนโยบายในการทบทวนลดขนาดยาพาราเซตามอล โดยลดลงจากขนาดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม เป็น 325 มิลลิกรัม และกินไม่เกินวันละ 4 กรัมต่อวัน ขณะที่ในประเทศไทยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังอนุญาตให้รับประทานยาครั้งละ 1-2 เม็ด ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่เหมาะสม ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลการใช้ยาพาราเซตามอลในประเทศไทยเพื่อเสนอให้คณะอนุกรรมการทบทวนตำรับยาของ อย. มีการปรับลดขนาดยาพาราเซตามอลลง รวมถึงเสนอผลการศึกษาพิษของยาพาราเซตามอลต่อคณะอนุกรรมการติดตามอันตรายจากการใช้ยาของ อย.พิจารณาเพื่อให้มีการออกคำแนะนำการใช้ยาที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย
“หากมีผู้รับประทานยาครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง โดยกินยาพาราเซตามอลทุก 4 ชั่วโมงใน 1 วัน เท่ากับจะกินยาถึงวันละ 12 เม็ด ทั้งๆ ที่ไม่ควรกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัมเกิน 8 เม็ดต่อวัน ซึ่งการรับประทานยามากเกินขนาดจะส่งผลเสียต่อตับอย่างมากหากรับประทานต่อเนื่องนานๆ และอาจรุนแรงจนถึงขั้นตับวายได้” ภญ.นิยดา กล่าว
ปัจจุบันยาพาราเซตามอลในท้องตลาดมีการผลิตทั้ง 2 ขนาด คือ ขนาด 325 มิลลิกรัม และ 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด แต่ขนาด 500 มิลลิกรัม จะเป็นที่นิยมมากกว่า ดังนั้นองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ควรเป็นต้นแบบในการผลิตยาพาราเซตามอลขนาด 325 มิลลิกรัม แทนขนาด 500 มิลลิกรัม ขณะนี้ศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลศิริราช อยู่ระหว่างศึกษาติดตามผลการใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาดในเด็ก เนื่องจากพบว่ามีเด็กที่ได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาดโดยรับการส่งต่อมารับการรักษาและมีอาการเป็นพิษในอวัยวะหลายส่วน ซึ่งการเป็นพิษจากตัวยาที่อันตรายคือพิษต่อตับและไต การกินยาพาราเซตามอลต้องไม่เกิน 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม