
ศธ.เตรียมฟัน5บิ๊กสกสค.สร้างพระพุทธโสธรมิชอบ
ศธ.เตรียมฟัน 5 บิ๊กสกสค.คดีสร้างพระพุทธโสธร รุ่นเจริญสุข ชี้กระทำโดยมิชอบผิดอาญาข้อหาฉ้อโกง ชงบอร์ดสกสค.สั่งปลดจากตำแหน่งพร้อมเสนอดีเอสไอดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2552 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แถลงผลการสอบข้อเท็จจริงโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค) โครงการ 5 และโครงการเช่าบูชาวัตถุมงคลพระพุทธโสธร "รุ่นเจริญสุข" ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่า หลังจากที่ได้มอบหมายให้นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานบอร์ด สกสค. ไปตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวโดยได้ตั้งนายสุนันท์ เทพศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานสอบข้อเท็จจริงนั้น
ในส่วนของโครงการสร้างพระพุทธโสธรรุ่นเจริญสุขที่ถูกร้องเรียนว่า แอบอ้างนำชื่อและตราสัญลักษณ์ของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) และสถาบันพระมหากษัตริย์ในโครงการจัดสร้างพระพุทธโสธรรุ่นเจริญสุข ทางคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเห็นควรให้ดำเนินการเอาผิดกับ 5 ผู้บริหารระดับสูงของ สกสค.และพนักงาน-เจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้อง
รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯได้สรุปแล้วว่า การสร้างพระไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ สกสค. ถือเป็นกระทำที่มิชอบ อีกทั้ง ยังถือว่ามีความทางอาญาในข้อหาฉ้อโกงประชาชนด้วย เพราะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจว่า รายได้จากการสร้างพระมอบให้ มมร. แต่ทาง มมร.ปฏิเสธแล้วว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการจัดสร้างพระของสกสค. จึงเข้าข่ายผิดข้อหาฉ้อโกง หลอกลวงด้วยข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ทรัพย์จากผู้ถูกหลอกลวง
“ขั้นตอนต่อไป จะได้ส่งผลสอบให้บอร์ดสกสค.ดำเนินการทางกฎหมายตามที่กรรมการสอบข้อเท็จจริงเสนอแนะ ซึ่งมีข้อกำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่าความผิดอะไรต้องถูกลงโทษระดับไหน ซึ่งมาตรา65 ของ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา กำหนดไว้ชัดเจนว่า การบกพร่องต่อหน้าที่ ความประพฤติที่เสียหาย เป็นเหตุให้ปลดกรรมการ สกสค.ออกจากตำแห่งได้ ส่วนความผิดทางอาญานั้น จะให้สกสค. ส่งเรื่องและหลักฐานทั้งหมดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีต่อไป “ นายจุรินทร์ กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีการปล่อยกู้ ช.พ.ค.นั้น กรรมการสอบข้อเท็จจริงสรุปว่า กรณีการบังคับผู้กู้ทำประกันชีวิตอาจเข้าข่ายขัดกับประกาศของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) แต่กรรมการสอบข้อเท็จจริงไม่มีอำนาจไปตัดสินเรื่องนี้ ต้องรอทาง คปภ.ซึ่งกำลังสอบสวนเรื่องนี้อยู่ เป็นผู้ตัดสิน เมื่อ คปภ.สรุปผลสอบแล้ว ค่อยมาพิจารณากับอีกครั้งว่า ต้องดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติมในเรื่อง ช.พ.ค.นั้น ยังมีกรรมการสอบข้อเท็จจริงอีกชุดที่มีนายนิวัติ นาคะเวช รองปลัด ศธ. เป็นประธาน ยังคงดำเนินการสอบอยู่
นายสมชัย ไหลสุพรรณวงศ์ ผอ.สำนักนิติการ สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะกรรมการและเลขานุการกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ กล่าวว่า กรณี การบังคับทำประกันชีวิตผู้กู้เงิน ช.พ.ค. 5 นั้น ถือว่า เรื่องนี้ได้มีการแก้ไขภายหลัง โดยปรับเงื่อนไขการกู้เงิน ยกเลิกการบังคับทำประกันชีวิตปล่อยให้เป็นไปตามความสมัครใจแล้ว อีกทั้ง ธนาคารออมสินเองที่เป็นผู้เสนอให้มีการทำประกันค้ำประกันเงินกู้ สกสค.แค่รับเงื่อนไขของธนาคารมาดำเนินการตาม แต่ยอมรับว่า สกสค.ขาดการประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจว่า การทำประกันชีวิตนี้เป็นไปตามความสมัครใจ กรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ทำข้อเสนอแนะไว้ว่า 1.การทำประกันต้องทำตามความสมัครใจและเป็นไปตามหลักการของ คปภ. 2. ต้องโปร่งใส และควรเชิญบริษัทประกันภัยหลาย ๆ แห่งมาร่วมแข่งขันกัน ซึ่งอาจทำให้เบี้ยประกันลดลงกว่าที่เป็นอยู่