ไลฟ์สไตล์

ขาดสติสังคมก็เสื่อม

ขาดสติสังคมก็เสื่อม

29 ต.ค. 2552

ประชาชนโดยทั่วไป ก็ประมาทขาดสติในบางครั้ง เช่น ในกรณีการเลือกตั้ง ไม่พิจารณาบุคคล แล้วก็เลือกบุคคลที่มีคุณความดีอย่างที่จริง อาจจะไปหลงอามิสสินจ้าง หรือว่าอะไร หรือว่าหลงรักเป็นส่วนตัว โดยไม่คำนึงถึงว่า เขาจะเป็นคนดี หรือเขาจะเป็นคนชั่ว

 เมื่อขาดสติสัมปชัญญะ หย่อนบัตรเลือกตั้งไป เลือกเอาคนที่ไม่ดี แต่เป็นคนที่ตนพอใจ เข้ามาเป็นผู้แทน หรือ ส.ส. แทนตน แล้วก็มาทำหน้าที่เป็นผู้บริหารบ้าง ทำหน้าที่ในสภานิติบัญญัติบ้าง ซึ่งจะมีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองสันติสุข หรือความเสื่อมเป็นโทษ เป็นความทุกข์เดือดร้อน แก่ประชาชนส่วนใหญ่ ก็หลงขาดสติสัมปชัญญะที่จะพิจารณาว่า จะเอาคนดีๆ แท้ๆ หรือจะเอาคนที่เราชอบหรือหลงเพียงลาภสักการะเล็กน้อย  

 เมื่อขาดสติสัมปชัญญะ ไม่รู้ทางเจริญทางเสื่อม ไปหย่อนบัตรให้บุคคลไม่ดีจริงๆ เข้ามาทำหน้าที่ในสภา หรือเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน แทนเราแล้ว ความเสื่อมหรือโทษ ความทุกข์เดือดร้อน ก็จะเกิดแก่ประชาชนสาธุชนส่วนใหญ่หมดทั้งประเทศ

 นี่กล่าวถึงความประมาทขาดสติสัมปชัญญะ แล้วเกิดโทษอย่างนี้
 อีกอย่างหนึ่ง กล่าวสูงขึ้นไป สมณะชีพราหมณ์ ถ้าว่าประมาทขาดสติสัมปชัญญะ คือ ขาดศีลสังวร ความสังวรในศีล ขาดอินทรีย์สังวร คือ ความสังวรในอินทรีย์ทั้งหลาย คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อกระทบหรือสัมผัสกับ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งสัมผัสทางกาย ก็หลงสยบอยู่ในอารมณ์ที่น่ารัก น่ายินดี หรือหลงเคียดแค้นชิงชังในอารมณ์ที่ไม่น่ารัก ไม่น่ายินดี ก็แปลว่า ขาดสติสัมปชัญญะ นำตนไปสู่ความทุกข์เดือดร้อน เสื่อมจากคุณความดี ตายจากคุณความดี  ไม่ได้ที่พึ่งประเสริฐ และจะถึงซึ่งความทุกข์ต่อๆ ไป ไม่มีที่สิ้นสุด นี่คือ ผลของความประมาท

 ทีนี้ เหตุของความประมาทเพราะอะไร เพราะขาดศีล เมื่อไม่ดำรงอยู่ในความบริสุทธิ์แห่งศีล ไม่สังวรในศีล ก็พลอยให้ขาดสติสัมปชัญญะ ไม่สังวรในอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อได้สัมผัสกับรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งสัมผัสทางกาย กิเลสก็ฟุ้ง เพราะต้องสยบอยู่ในอารมณ์ที่น่ารัก มักเคียดแค้นชิงชังในอารมณ์ที่ไม่น่ารัก สมาธิก็ไม่เกิด จิตใจก็ไม่สงบ ปัญญาก็ไม่เกิด

 เมื่อขาดทั้งศีล สมาธิ ปัญญา และสติไปด้วยกันอย่างนั้นแล้ว ก็เป็นอันหวังได้ว่า ชีวิตของท่านมีแต่ตกต่ำ ไม่มีความเจริญเป็นอัปมงคล ดังนี้

"พระราชญาณวิสิฐ (หลวงป๋า)"