ไลฟ์สไตล์

ผลวิจัยสกัดสารหอมจาก"กฤษณา"
 รางวัลนักประดิษฐ์คิดค้นดีเด่นปี52

ผลวิจัยสกัดสารหอมจาก"กฤษณา" รางวัลนักประดิษฐ์คิดค้นดีเด่นปี52

27 ต.ค. 2552

แม้ว่าไม้กฤษณา จะเป็นไม้เศรษฐกิจที่กำลังได้รับความสนใจจากเกษตรกรนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคตะวันออก อย่างปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการสารหอมกฤษณา ซึ่งมีราคาแพงและเป็นที่ต้องการของตลาดสูงมาก แต่ทว่าท

 แต่หลังจากทีมคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วย รศ.ดร.งามผ่อง คงคาทิพย์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและเคมีอินทรีย์สังเคราะห์ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ อ.ศลิษา สุจิตวรสาร และรศ.พูนพิไล สุวรรณฤทธิ์ จากภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ได้ร่วมกันวิจัยวิธีการกระตุ้นให้เกิดสารหอมในไม้กฤษณาโดยเชื้อราและสารอินทรีย์ที่ปลอดภัย โดยการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จนประสบความสำเร็จ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเกษตรกรที่สนใจจะได้รับข้อมูลขั้นตอนการสกัดน้ำมันหอมกฤษณาอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

  รศ.ดร.งามผ่อง คงคาทิพย์ ในฐานะหัวหน้าโครงการบอกว่า ไม้กฤษณาถือเป็นไม้ยืนต้นที่มีการปลูกกันแพร่หลายมากขึ้นในประเทศไทยเพื่อต้องการให้ผลิตสารหอม เนื่องจากราคาของไม้หอมกฤษณาหรือน้ำหอมจากกฤษณานั้นมีราคาแพงมาก เป็นเพราะว่าสารหอมกฤษณาหรือที่เรียกว่าสารกฤษณานั้นมีประโยชน์หลายอย่างเช่น ใช้เป็นน้ำหอม ใช้เป็นตัวที่ทำให้น้ำหอมติดทนนาน ใช้เป็นสมุนไพร ใช้เป็นเครื่องหอม ธูป พิธีกรรมทางศาสนาและสปา ตามธรรมชาติจึงเป็นที่สนใจของเกษตรกร แต่ทว่าปัญหาไม้กฤษณาที่ปลูกจะมีการผลิตสารหอมน้อยมาก ประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์หรือต่ำกว่าหรือไม่ผลิตสารหอมเลย

 "ที่เราวิจัยสำเร็จไปแล้วอยู่ที่จ.ตราด แต่ขณะนี้เราได้รับทุนจากวช.ให้ไปทำการวิจัยที่อีสาน จ.อุดรธานีว่าถ้าไม้กฤษณาปลูกในพื้นที่แห้งแล้งจะให้สารหอมดีเหมือนที่ภาคตะวันออกหรือไม่ในสภาพภูมิอากาศที่ต่างกัน ซึ่งขณะนี้เรากำลังทดลองวิจัยกันอยู่"

  เธอเผยต่อว่า ไม้กฤษณาจะผลิตสารหอมได้ก็ต่อเมื่อเกิดแผล ดังนั้นเกษตรกรจึงทำการเจาะรูต้นกฤษณาเป็นจำนวนมากต่อ 1 ต้นหรือประมาณ 1,000-2,000 รูต่อต้น ซึ่งอาจทำให้ไม้กฤษณาตายและปริมาณสารหอมที่ได้ก็ยังมีปริมาณน้อย จากปัญหาดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้นักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เห็นความสำคัญและมีแนวคิดในวิธีการที่จะกระตุ้นไม้กฤษณาผลิตสารหอม ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาให้เกษตรกรและยังเป็นการเพิ่มมูลค่ามหาศาลให้ต้นกฤษณา ปัจจุบันน้ำหอมกฤษณายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากราคาที่ไม้กฤษณาผลิตสารหอมทั้งต้นจะซื้อขายอยู่ในราคาประมาณ 1 แสนบาทต่อ 1 ต้น

 "วิธีการกระตุ้นนี้เป็นวิธีการใหม่ที่ยังไม่เคยมีรายงานมาก่อนและตัวอย่างไม้หอมที่ผลิตได้เมื่อให้ชาวบ้านนำไปกลั่นพบว่าตัวอย่างไม้หอมปริมาณ 100 กิโลกรัม กลั่นได้น้ำหอมในปริมาณ 15-20 โตร่า (180-240 มิลลิลิตร) ซึ่งน้ำหอมกฤษณาที่ได้อยู่ในเกรด เอ+ โดยราคาซื้อขายในท้องตลาด 10 โตร่า เท่ากับ 8 หมื่นถึง 1 แสนบาท โดยอายุของไม้กฤษณาที่จะนำมากระตุ้รนได้จะอยู่ที่ 8 ปีขึ้นไป"

 หัวหน้าโครงการวิจัยคนเดิมยังระบุด้วยว่า การทำการกระตุ้นต้นกฤษณานั้นจะทำประมาณ 2-3 ครั้งและสามารถเก็บไม้หอมได้หลังจากการกระตุ้นครั้งแรกประมาณ 6-10 เดือน ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้วจำนวน 3 ฉบับในชื่อเรื่องดังนี้ 1.วิธีการกระตุ้นให้เกิดสารที่มีกลิ่นหอมในไม้กฤษณาโดยสารอินทรีย์ เลขที่คำขอ 0701006251  2.วิธีการกระตุ้นให้เกิดสารที่มีกลิ่นหอมในไม้กฤษณาโดยสารอินทรีย์ที่ปลอดภัย เลขที่คำขอ 0701006252 และ3.วิธีการกระตุ้นให้เกิดสารที่มีกลิ่นหอมในไม้กฤษณาโดยเชื้อราและสารอินทรีย์ เลขที่คำขอ 0701006253

 จากความสำเร็จในโครงการวิจัยวิธีการกระตุ้นให้เกิดสารหอมในไม้กฤษณาโดยเชื้อราและสารอินทรีย์ที่ปลอดภัย โดยทีมคณาจารย์กลุ่มดังกล่าวการันตีด้วยการได้รับรางวัลนักประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2552 ซึ่งผลงานดังกล่าวนี้ยังได้นำมาโชว์ให้ผู้สนใจดูในงานวันคล้ายวันสถาปนาวช.ครบรอบ 50 ปีระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม ณ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เขตจตุจักร กรุงเทพฯ อีกด้วย
    
"สุรัตน์ อัตตะ"