ไลฟ์สไตล์

กระเป๋าเงินหายในโรงแรม

กระเป๋าเงินหายในโรงแรม

26 ต.ค. 2552

ดิฉันเข้าพักที่โรงแรมเซ็นทรัลเพลส อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2552 เช็กเอาท์วันที่ 12 ตุลาคม 2552 เวลา 07.45 น. ได้นำกุญแจไปคืนและรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม และพบว่าลืมกระเป๋าเงินทิ้งไว้ในห้องพัก

 จึงรีบโทรศัพท์แจ้งทางโรงแรม จากนั้นก็กลับเข้าไปในโรงแรมอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบกระเป๋าเงินแล้ว
 สิ่งที่อยากร้องเรียนคือ
 1.ระบบการรักษาความปลอดภัยภายในโรงแรมไม่มีกล้องวงจรปิด และไฟทางเดินหน้าประตูห้องนอน
 2.แม่บ้านไม่รับผิดชอบในการเข้าไปตรวจสอบสิ่งของทันที เพราะจะต้องเช็กห้องและแจ้งให้ทราบทันที เนื่องจากระหว่างนั้นยังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ในโรงแรม
 3.การบริการของพนักงานโรงแรม ใช้วิธีการประเมินลูกค้าจากสายตา โดยมิได้มองว่าลูกค้าเป็นผู้สำคัญไม่ว่าเป็นใครก็ตาม
 4.ประตูที่เข้าพักห้องพักใหญ่ซึ่งตั้งกล้องวงจรปิดไว้นั้น เสีย สามารถเปิดเข้าออกได้โดยไม่ต้องมีคีย์การ์ด
 5.แม่บ้านที่ต้องสงสัยและสอบปากคำ ยังไม่ได้รับการลงโทษใดๆ
 6.มูลค่าของสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าเงินมีค่าต่อจิตใจมากกว่าสิ่งใด
 7.ห้องพักไม่ได้มาตรฐานในเรื่องบริการ ไม่มีกระดาษทิชชู สบู่เหลวหมด น้ำไม่ร้อน
 8.เมื่อแจ้งให้เจ้าของทราบกลับได้รับการต่อว่า ว่าลืมของไว้ในรถหรือในกระเป๋าและจะขอค้นรถ แต่ทางโรงแรมกลับบิดเบือนว่า ดิฉันไม่ยินยอมให้ค้นรถและกระเป๋าเสื้อผ้า จากนั้นเมื่อกลับเข้าไปในโรงแรมอีกครั้ง และจะให้ค้นรถทางตำรวจแจ้งว่า ไม่มีสิทธิ์ค้นรถเพราะดิฉันเป็นผู้เสียหายมิได้เป็นผู้ถูกกล่าวหา
 เรื่องผ่านมาเกือบสองสัปดาห์แล้ว ตำรวจและโรงแรมมิได้แจ้งความคืบหน้ากลับ

พินิตตา สุขโกศล

ตอบ
 โรงแรมเซ็นทรัลเพลส สมุทรสาคร ชี้แจงว่า กรณีที่มีสิ่งของมีค่าหายภายในห้องพักของโรงแรม ทางโรงแรมยินดีที่จะรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.โรงแรม ถ้ามีหลักฐานและสามารถพิสูจน์ได้ว่ากระเป๋าเงินหายในห้องพักจริง
 ลูกค้าเป็นอาจารย์ได้เข้าพักที่โรงแรม เช็กเอาท์วันที่ 12 ตุลาคม 2552 เวลา 07.45 น. โดยหลังจากที่ลูกค้าออกจากห้องได้เปิดประตูทิ้งไว้ก่อนจะนำกุญแจมาคืน และประมาณชั่วโมงกว่า เวลาประมาณ 09.10 น. ทางโรงแรมได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าว่าลืมกระเป๋าเงินไว้ในห้องพัก โดยลูกศิษย์ได้มาที่โรงแรม ผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรมและแม่บ้านได้ร่วมกันค้นหาที่ห้องพัก ปรากฏว่าไม่พบกระเป๋าเงินที่ลูกค้าแจ้งว่าวางลืมไว้บนหัวเตียง
 โรงแรมจึงเปิดดูกล้องวงจรปิดเพื่อค้นหาผู้ต้องสงสัย โดยลูกค้าและตำรวจก็ดูกล้องวงจรปิดด้วย รวมทั้งเข้าไปดูในห้องพักอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไร 
 ส่วนกรณีอื่นๆ ที่ร้องเรียนมานั้น ขอชี้แจงเป็นข้อๆ ดังนี้
 1.ระบบการรักษาความปลอดภัยโรงแรมมีกล้องวงจรปิดด้านหน้า และมีไฟทางเดินหน้าประตูห้องนอน ส่วนภายในห้องพักจะเข้าได้ก็ต่อเมื่อมีคีย์การ์ดและมีเซฟสำหรับใส่ของมีค่าในห้องพัก
 2.แม่บ้านไม่ได้เข้าไปตรวจเช็กสิ่งของทันที เพราะโรงแรมไม่มีมินิบาร์ในห้องพักจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบ
 3.การบริการของพนักงานโรงแรมไม่เคยประเมินลูกค้าด้วยสายตา เพราะลูกค้าทุกคนคือคนสำคัญ
 4.ประตูเข้าพักห้องพักใหญ่ซึ่งตั้งกล้องวงจรปิดนั้น ไม่ได้เสีย จะเข้าออกได้ต้องมีคีย์การ์ด ในบางครั้งลูกค้าเข้าออกไม่ปิด เปิดประตูทิ้งไว้
 5.แม่บ้านที่ต้องสงสัย ฝ่ายบุคคลได้สอบสวนตามกระบวนการ รวมทั้งได้สอบสวนพนักงานที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดทุกคน และสำหรับแม่บ้านได้ค้นตัวและค้นห้องพักแล้ว ไม่สามารถลงโทษได้เพราะเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะบ่งชี้ได้ว่าพนักงานมีความผิด
 6.มูลค่าของสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋า ทางโรงแรมไม่สามารถทราบมูลค่าหรือพิสูจน์ได้
 7.ด้านข้อบกพร่องในด้านการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก ทางโรงแรมถ้าเป็นจริงขอน้อมรับและจะดำเนินการแก้ไข
 8.เมื่อโรงแรมได้รับทราบเรื่อง ฝ่ายบริหารทุกท่านมาดูแลพร้อมให้คำแนะนำว่าอาจจะลืมไว้ในรถ แต่ไม่ได้แจ้งว่าจะขอค้นรถยนต์ของลูกค้าแต่อย่างใด
 โรงแรมเซ็นทรัลเพลส สมุทรสาคร บอกว่า หลังจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น โรงแรมได้ติดตามความคืบหน้าไม่ว่าจะเป็นจากโรงแรมเอง หรือพนักงานสอบสวน และได้โทรศัพท์แจ้งให้ลูกค้าทราบมาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งเฉย ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนตามกระบวนของกฎหมาย

ลุงแจ่ม