
อุบาสกชวนเที่ยววัดวัดกู้ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
วัดกู้ ตั้งอยู่ที่ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี บนพื้นที่ราบลุ่ม ห่างจาก อ.ปากเกร็ด ไปทางด้านทิศเหนือประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร หน้าวัดอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา การคมนาคมไปมาได้สะดวก
วัดนี้ สร้างขึ้นในสมัยพระยาเจ่ง ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวชาวมอญ ได้นำชาวมอญอพยพเข้ามาในแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี ซึ่งเป็นบรรพชนของชาวมอญเกาะเกร็ด วัดนี้จึงถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือช่างชาว มอญ ศิลปะแบบมอญ ภายในวิหารมีภาพเขียนฝาผนังที่เป็นศิลปะมอญทั้งหมด
เดิมวัดนี้ชื่อ วัดท่าสอน (หรือวัดหลังสวน) ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๒๓ เรือพระที่นั่งของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เกิดอุบัติเหตุล่มลงบริเวณใกล้วัดท่าสอน ในคราวเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอิน ทางชลมารค และได้มีการกู้เรือพระที่นั่ง พร้อมพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ขึ้นที่หน้าวัดหลังสวน เชิญพระศพมาไว้ที่วัดนี้ก่อนเป็นการชั่วคราว จึงได้มีการเรียกชื่อวัดนี้ใหม่ว่า วัดกู้
ภายในวัด ยังมีพระตำหนักที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ อีกด้วย
สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ซึ่งเป็นพระอัครมเหสี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระราชธิดาพระองค์หนึ่ง คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ ต่อมา ทรงพระครรภ์อีกคำรบหนึ่ง เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโสมนัสอย่างยิ่ง ดูเหมือนจะมีพระราชหฤทัยหวังอยู่ว่า ครั้งนี้ สมเด็จพระปิยมเหสีคงจะประสูติพระราชโอรส
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักในพระราชหฤทัยว่า สมเด็จพระปิยมเหสีโปรดความรื่นรมย์ของพระราชวังบางปะอิน เมื่อเสด็จไปประทับครั้งใด ก็ทรงมีความชื่นบานสำราญพระราชหฤทัยยิ่ง
ฉะนั้น จึงมีพระราชดำริที่จะเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระราชวังบางปะอิน ช่วงระยะหนึ่ง โดยกำหนดวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๒๓ เป็นวันเสด็จพระราชดำเนิน
เหมือนหนึ่งจะทรงมีลางสังหรณ์ พอใกล้วันเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงพระสุบินว่า พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ได้เสด็จไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ขณะทรงพระดำเนินข้ามสะพาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ บังเอิญพลาดพลัดตกลงไปในน้ำ ทรงคว้าพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ไว้ได้ครั้งหนึ่ง แต่แล้วก็ลื่นหลุดพระหัตถ์ไปอีก ทรงไขว่คว้าจนพระองค์เองตกน้ำไปด้วย ทรงหวั่นอยู่ในพระราชหฤทัยอยู่เหมือนกันว่า พระสุบินจะเป็นลางร้าย ทรงใคร่ที่จะระงับการโดยเสด็จไปบางปะอินอยู่เหมือนกัน
แต่เมื่อทรงพระดำริว่า การที่พระองค์ไม่เสด็จ จะทำให้สมเด็จพระบรมราชสวามีเกิดความกังวลพระราชหฤทัย จึงตกลงพระราชหฤทัยโดยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งๆ ทรงหวั่นพระราชหฤทัยในพระสุบินนั้นอยู่
นี่คือ เหตุการณ์หนึ่งในครั้งสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงทำให้วัดนี้เปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดกู้
ต่อมา วัดกู้ ขาดการทะนุบำรุง จึงชำรุดทรุดโทรม และไม่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาเป็นเวลานาน ทางวัดจึงได้บูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ และยกให้เป็นวัดที่มีพระภิกษุจำพรรษา
ภายในวิหาร มีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบรามัญ เป็นภาพเขียนด้วยสีน้ำมัน นอกจากนี้ยังมี พระพุทธไสยาสน์ องค์ใหญ่อายุหลายร้อยปี อยู่ในเขตพุทธาวาส ทุกวันนี้ กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเขตพุทธาวาส วัดกู้ เป็นโบราณสถาน
วัดกู้ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๑๘ และได้ผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๒๓
นับตั้งแต่ได้ยกวัดร้าง ขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุจำพรรษา วัดกู้ มีเจ้าอาวาสบริหารและปกครอง ๒ รูป คือ ๑.พระครูนันทาภิวัฒน์ ดำรงตำแหน่ง พ.ศ.๒๕๑๑-พ.ศ.๒๕๔๖ ๒.พระครูวิมลสุวรรณกร ดำรงตำแหน่ง พ.ศ.๒๕๔๗ ถึงปัจจุบัน
พุทธศาสนิกชน มีความสนใจเยี่ยมชมวัดกู้ หรือมีจิตศรัทธาร่วมทำบุญกุศล ติดต่อสอบถามได้ที่โทร.