
ดื่มด่ำดินแดนมหาราชา
หากอิตาลีคือแกลเลอรี่หลังโตของโลกใบนี้ อินเดียก็คงเป็นห้องแสดงนิทรรศการกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่และน่าดูที่สุดของโลกใบนี้
ยาก ดี มี จน ชีวิตชาวสลัมที่กินอยู่อย่างยาจก ไปจนถึงมหาราชาผู้ใช้ชีวิตเกลือกกลั้วกับความหรูหราในพระราชวังแสนวิจิตรที่ห้อมล้อมไว้ด้วยป้อมปราการอันโอ่อ่า อินเดียเปลือยให้เห็นทุกด้านของชีวิต จึงไม่ต่างจากห้องแสดงนิทรรศการชั้นดี
อินเดียหลายครั้งหลายคราของฉัน ค่อนไปทางพาตัวเองไปชิมด้านดิบเดิมของอินเดีย แหวกส่าหรีตามตลาด บุกสลัมที่มุมไบ เบียดเสียดกับคลื่นคนบนรถไฟอินเดีย แต่สาบานได้ ว่าไม่เคยนึก ”ยี้” ใส่อินเดีย
กับอินเดีย จะกี่ครั้งก็ยังร้อง ”ว้าว” จนนิยามตัวเองเป็นพวก “อินเลิฟ...อินเดีย” อย่างไม่กระดากปาก
มีอินเดียอยู่เที่ยวหนึ่ง ที่ยกให้เป็นการไปชิมรสชาติอันหรูหราของอินเดีย เริ่มต้นท่องดินแดนมหาราชากันที่ เมืองมัณดาวา ที่อยู่ห่างจากเดลีราว 265 กิโลเมตร
มัณดาวาเป็นเมืองเล็กๆ ที่สิงสถิตอยู่ใจกลางแคว้นราชสถาน ท่ามกลางความสงบงามของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ซ่อนของดีน่าดูเอาไว้เกลื่อนกลาด นอกจากดูพวกโบราณวัตถุของอดีตมหาราชาได้ที่พิพิธภัณฑ์ในพระราชวังมัณดาวาแล้ว ที่บ้านพักของพวกเศรษฐี ขุนนาง และบรรดาพ่อค้าวาณิชในสมัยศตวรรษที่ 17 ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีน้ำเฟรสโกที่แสดงเรื่องราวทางศาสนาและการเสียดสีสังคมทิ้งไว้ให้ดูด้วย
จากมัณดาวาฉันขยับตัวไปหา เมืองบิคาเนอร์ หนึ่งในเส้นทางสายไหมที่พ่อค้าเคยสัญจรไปมา จึงเคยมีพวกโจรหลายก๊กหลายกลุ่มมาซ่องสุมอยู่แถวนี้ แน่นอนฉันไม่ได้แกะรอยอดีตไปดูรังโจร แต่บ่ายหน้าไปดูป้อมสีแดงแห่งเมืองบิคาเนอร์ หรือ ป้อมจูนนาการ์ห อันเป็นที่ตั้งของวังมหาราชา ที่ยังอยู่ในสภาพดีสุดแห่งหนึ่งในราชสถาน
วังแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1588 ด้านในมีทั้งตำหนักจันทรา (Chandra Mahal) ตำหนักวายุ (Hawa Mahal) และประตูสุริยา (Sun gate) ที่นอกจากซ่อนความสวยเอาไว้ทุกหย่อมหญ้า ยังกักขังประวัติศาสตร์เอาไว้มากมาย
300 กิโลเมตรจากเมืองบิคาเนอร์ ฉันลุยต่อไปชนสุดขอบของแคว้นราชสถาน ที่ เมืองจัยซัลเมอร์ อาจต้องใช้เวลานั่งรถหลายชั่วโมง แต่จัยแซลเมียร์ก็บรรณาการทุกคนด้วยวิวสวยระยับ ยิ่งยามที่นั่งบนหลังอูฐทอดสายตามองดวงตะวันหล่นแนบลงใส่เม็ดทรายนับล้านอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว แดดสีหวานห่มลงบนทะเลทรายทั้งผืน โลกทั้งใบจึงถูกเนรมิตให้กลายเป็นสีทอง
บนที่ราบสูงกลางทะเลทรายธาร์ ”นครสีทอง” แห่งนี้มีกำแพงสูงใหญ่ทอดตัวอยู่อย่างสง่าผ่าเผย ในอดีตเคยเป็นเส้นทางการค้าสำคัญระหว่างอินเดียกับตะวันออกกลาง พ่อค้าวาณิชในย่านนี้จึงร่ำรวยกันอย่างมหาศาล กลายเป็นอภิมหาเศรษฐี มีคฤหาสน์ที่ใหญ่โตมโหฬารอยู่แถวนี้ หนึ่งในนั้นเป็นมหาราชา วาลกาดซี ที่เนรมิตวังและศาลากลางน้ำ สร้างไว้ที่ทะเลสาบกาดซิซาร์เอาไว้มาพักผ่อนหย่อนจิต
แต่สถานที่ที่ต้องขับแขกเหรื่อไม่เว้นแต่ละวัน คงเป็นป้อมจัยซัลเมอร์ ที่อยู่บนเขาทิตรีกูฏ เป็นสถานที่มีปราสาททรายตั้งตระหง่านกลางทะเลทราย ภายในมีบ้านพักของชาวบ้านที่พำนักมานานนับร้อยปี
จากจัยซัลเมอร์ฉันดั้นด้นต่อไปที่ เมืองจ๊อดปูร์ ได้ยินบางคนออกเสียงว่าโยธะปุระเมืองสีฟ้าที่แสนโรแมนซ์และมากมายไปด้วยประวัติศาสตร์ ว่ากันว่า เป็นเมืองเก่าแก่ของพวกราชบุตร เป็นต้นกำเนิดของอีกหลายราชวงศ์ และเมืองแห่งนักรบผู้แกร่งกล้า
ทั่วทั้งจ๊อดปูร์ไม่มีที่ไหนน่าดูเท่าป้อมเมห์รานการห์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังมหาราชาแห่งจ๊อดปูร์ ป้อมแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาสูงจากพื้น 125 เมตร มีกำแพงล้อมรอบยาวกว่า 5 กิโลเมตร นับเป็นป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอินเดีย ภายในพระราชวังอุดมไปด้วยลวดลายการแกะสลักที่วิจิตรอย่างน่าอัศจรรย์
มองจากบนป้อมเมห์รานการห์ จะเห็นหลังคาของนครสีฟ้าคลุมไปทั่วเมือง แต่เพราะอยากสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเมือง เลยบุกไปที่ตลาดบาซาร์โบราณ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนค้าขายของเหล่าขบวนคาราวานมาแต่อดีต ตั้งอยู่กลางใจเมืองจ๊อดปูร์ ขลุกอยู่ในนี้แล้วคุณจะพบว่า กำลังถูกล้อมจับด้วยงานศิลปะ หัตถกรรม เครื่องเงิน กำไล ผ้ามัดย้อม และเครื่องหนัง
เมื่อดั้นด้นมาถึงจ๊อดปูร์ผู้คนมักจะตะกายขึ้นไปบน เมาท์อาบู หรือเรียกกันว่า ภูเขาราชาเทวะ บนความสูงประมาณ 1,250 เมตร ว่ากันว่า มีความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธารอทุกคนอยู่บนนั้น
เที่ยววัดวาอารามอันเก่าแก่และงดงามที่เมาท์อาบูราว 4-5 วัด จึงถอนสมอออกจากที่นั่น แล้วเคลื่อนทัพต่อไปที่ เมืองรานัคปูร์ เมืองที่มีวิหารของศาสนาเชน ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์แห่งอินเดีย ที่สร้างโดยคหบดีดาร์นา ซาห์เมื่อเกือบ 500 ปีก่อน ทั้งห้องโถง โดม 80 โดม และเสาพันกว่าต้น เป็นพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า วัดแห่งนี้มหัศจรรย์สมคำโฆษณา
ทริปตามรอยดินแดนมหาราชาของฉันไม่อาจสมบูรณ์แบบได้ ถ้าไม่ได้จบลงที่เมืองอุไดปูร์ เมืองริมทะเลสาบที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นราชสถาน
อุไดปูร์ถูกจับขึ้นทำเนียบเป็นเมืองที่สุดของความโรแมนติก แน่นอนว่าส่วนผสมสำคัญที่ดันให้ดัชนีความโรแมนติกของอุไดร์ปูร์โด่งดัง คือ พระราชวังฤดูหนาว ยิ่งยามที่ได้ล่องเรือในทะเลสาบยามแดดร่มลมตก พลันที่แสงสุดท้ายกระทบวังที่ทำจากหินอ่อน จะเกิดเงาวังทาบทาในทะเลสาบสีทอง
อินเดียเวอร์ชั่นตามรอยดินแดนมหาราชา อร่อยเหาะเหมือนกินโรตีบนเหลาห้าดาว แล้วแบบนี้จะไม่ให้ร้องว้าวใส่อินเดียได้ยังไงไหว
"กาญจนา หงษ์ทอง"