ไลฟ์สไตล์

เพียงผึ้งกระพือปีก

เพียงผึ้งกระพือปีก

12 ต.ค. 2552

ปลายฝนต้นหนาว เป็นช่วงคาบเกี่ยวแห่งฤดูกาล ที่สุดแสนวิเศษมาก สำหรับผม เพราะเชียงรายในยามนี้ ชายตามองไปทางไหน ก็ยังคงเห็นแต่ผืนป่าที่เขียวขจี

แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่เพิ่มเข้ามาเป็นสีสันแห่งฤดูกาล นั่นก็คือ  อวลไอหมอกบางเบา ที่หอบเอาสายลมหนาวจากจีนใต้เข้ามาเยือนพร้อมๆ กัน
 ดอกไม้ป่ายามต้นหนาว เริ่มผลิบาน ผมหายใจเอาความสดใหม่แห่งวัน เข้าจนเต็มปอด แล้วค่อยๆ ผ่อนออกมาอย่างช้าๆ ราวกับว่า เสียดายลมหายใจที่แสนละเอียด และงดงามในยามนี้เสียนี่กระไร
 ผึ้งน้อยตีปีกบอบบาง อยู่ใกล้โคนเสาไม้ปลายชาน มันช่างสรรหานิวาสสถานได้อย่างเหมาะเจาะ เพราะมันอยู่ตรงนี้ คงไม่มีใครทำอะไรมันได้
 เนื่องจากทางเข้าออกถ้ำของมัน เล็กเท่าตัวลอดเข้า-ออก เรามองข้างนอก แทบไม่รู้เลยว่า ในถ้ำของมันนั้นมีการบริหารจัดการ และแบ่งงานแบ่งหน้าที่กันอย่างไรบ้าง  จะเห็นได้ก็เพียงปรากฏการณ์ ที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอก  นั่นคือ เส้นทางลำเลียงน้ำหวานสายหลักนี้ ขวักไขว่ไปด้วยผึ้งงาน ที่บินเข้าบินออกอย่างขะมักเขม้น ไม่รู้ว่าการเดินทางของมันนั้น สั้นยาวสักเพียงใด
 ผึ้งทหารกลุ่มหนึ่ง รวมตัวกันอยู่ปากถ้ำ ราวสิบกว่าตัว  ใช่แล้ว... มันกำลังป้องกันนิวาสสถานจากการถูกรุกรานของ ตัวต่อ
 ตัวต่อสองตัวนี้ ชอบบินมาวนเวียนอยู่แถวปากถ้ำของมันอยู่ได้แทบทุกวี่วัน
 และภารกิจหลักของผึ้งทหารในยามนี้ก็คือ ร่วมกันขับไล่ตัวต่อ มันรวมตัวกันเป็นกลุ่มนับหนึ่ง สอง สาม แล้วกระพือปีกขึ้นพร้อมกัน ทำเวียนวนอยู่อย่างนั้น ครั้งแล้วครั้งเล่า
 บ่อยครั้งที่ผมเห็นผึ้งน้อยยอมพลีชีพ ด้วยการบินเข้าชาร์จ ฟัดเหวี่ยงกับตัวต่ออย่างอุตลุด ผลสรุปไม่อาจคาดเดาได้ว่า ใครอยู่ใครไป
 นี่คือ วีรกรรมของมัน ซึ่งมันคงไม่ได้คาดหวังจะให้ใครทำอนุสาวรีย์ผู้เสียสละให้มันเป็นแน่  มันเพียงแค่ “ทำหน้าที่” ของตัวเอง “ให้ดีที่สุด”
 ผมว่า มนุษย์บางคนอาจจะแพ้ผึ้งในแง่นี้ ว่ากันว่า ในการผลิตน้ำหวานแต่ละวัน ผึ้งตัวหนึ่งต้องบินไปเยี่ยมเยียนดอกไม้นานาพันธุ์กว่า ๑๐๐ ดอก และเดินทางไป-กลับ ถึงวันละ ๑๕ รอบ กว่าจะได้น้ำหวาน ๔๕๔ กรัม
 ผึ้งทั้งรัง จะต้องไปดมดอมดอกไม้รวมๆ กันแล้วกว่า ๒ ล้านดอก รวมการเดินทางทั้งหมดถึง ๘๘,๐๐๐ กิโลเมตร  หรือมากกว่าการเดินทางรอบโลกถึง ๒ รอบ
 ประการสำคัญ พืชผักผลไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารของเรานี้ กว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ว่ากันว่า ผึ้งเป็นผู้ผสมพันธุ์ให้ ผมว่าผึ้งคงไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า การได้กระพือปีกโบยบินไป เพื่อทำ “หน้าที่” เท่านั้นเอง
 หากจะกล่าวถึง คุณธรรมของผึ้ง ผมว่า มันมีคุณธรรมอยู่นับไม่ถ้วน โดยที่มันไม่เคยใส่ใจเลยว่า มันปฏิบัติธรรมข้อไหนบ้าง
 ผึ้งไม่เคยประกาศตนว่า เป็นผู้วิเศษ หรือมีคุณธรรมมากมายกว่าใครอื่น ผึ้งอดทน อดออม เสียสละ กล้าหาญ ขยันหมั่นเพียร เสพแต่สิ่งดีงาม รักความสามัคคี มีน้ำใจ ยินดีในการทำหน้าที่อย่างสุดกำลังความสามารถ โดยที่ไม่ต้องอ้อนวอน หรือคาดหวังสิ่งใดจากใครๆ ในสิ่งที่ตนเองไม่ได้บากบั่น และลงแรง 
 ผึ้งเพียงแค่กระพือปีกโบยบินไป โลกทั้งใบก็อวยชัยให้การดำรงอยู่ของมันแล้ว
 มนุษย์ที่ได้ชื่อว่า ชาญฉลาดที่สุด ในบรรดาสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ล่ะ มีคุณค่าและความดีงามที่เกื้อกูลต่อโลกเทียบเท่ากับผึ้งตัวกระจ้อยร่อยได้กี่มากน้อย...มันน่าคิด