นายกฯย้ำครูต้องทันเทคโนโลยีประยุกต์เพื่อการสอนเด็ก

         เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2661 เวลา 08.30 น. ที่หอประชุมคุรุสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันครู ครั้งที่ 62  พ.ศ. 2561 ภายใต้แนวคิด “เฉลิมรัชสมัย  ครูไทยพัฒนา” ระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม 2561  เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมยกย่องเชิดชูครู พัฒนาวิชาชีพครู ซึ่งนายกฯ  มอบคำขวัญวันครูประจำปี 2561 ว่า “ศิษย์ดี ก็ด้วยครูดี มีศรัทธา” โดยนายกฯ ได้ถวายสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว   รัชกาลที่ 6  สักการะปฐมบูรพาจารย์ ณ แท่นที่บูชา ศีรษะครู 7 องค์  

        ประกอบพิธีน้อมเกล้า ฯ ถวายสักการะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นคารวะครูอาวุโสและมอบของที่ระลึก เพื่อแสดงความกตัญญูและน้อมรำลึกถึงพระคุณครู โดยคารวะครูที่เคยสอน 2 ท่าน คือ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด สอนวิชากลศาสตร์ (Machanic) วิศวกรรมเครื่องกล ชั้นปีที่ 4 พ.ศ.2517 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และพล.ท.สมพงษ์ คุ้มสวัสดิ์ วิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ชั้นปีที่ 3 ปีพ.ศ.2516 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า   

         จากนั้น นายกฯมอบรางวัล ผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ ประจำปี 2561 รางวัลคุรุสภา “ระดับดีเด่น” ,รางวัลยอดครูผู้มีอุดมการณ์ พร้อมกล่าวคำปราศรัย เนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 62 พ.ศ. 2561 ตอนหนึ่งว่า   ส่วนตัวเคารพและเทิดทูนครูเสมอมา เพราะทุกคนมีจิตวิญญาณของความเป็นครู ต้องเหนื่อยอย่างสาหัสในการดูแลทั้งการเรียนการสอนและเรื่องส่วนตัว  ทุกวันนี้ครูมีภาระที่หนักหนาขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปที่ทุกอย่างรวดเร็วขึ้น ผลกระทบต่างๆ มากขึ้น

        การเรียนการสอนในวันนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องวิชาการอย่างเดียว ครูต้องตามโลกภายนอกให้ทันเพื่อนำมาประยุกต์ในการเรียนการสอนให้เด็กสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ดังพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่าคนเราต้องมีภูมิคุ้มกัน ครูจึงมีหน้าที่สอนภูมิคุ้มกันให้นักเรียนด้วย รวมถึงสอนการเรียนรู้ชีวิตอนาคต เรียนรู้กฎหมาย หลักคิดวิสัยทัศน์ก้าวไกล เป็นคนดีในสังคมอย่างไร เพื่อไม่ให้วุ่นวายแบบวันข้างหน้า ซึ่งมีข้อขัดแย้งอยู่ไม่กี่เรื่อง
        "ครูมีจิตวิญญาณความเป็นครู 24 ชั่วโมง บางครั้งอยู่บ้านก็เป็นครูด้วย สอนลูก สอนสามี นั่นคือสังคมของเรา ครอบครัวของเรา ไม่มีอะไรเหมือนอย่างนี้ นี่คือประเทศไทย ถึงได้บอกว่าคนไทยจะชอบอะไรก็จะชอบอย่างนี้ คนไทยจะมีอารมณ์ศิลปิน รักแรงเกลียดแรงชอบแรง สิ่งเหล่านี้คือไทยนิยม ไม่ใช่เรื่องการเมืองหรือประชาธิปไตยอย่างเดียว เพราะเราต้องเข้าใจความเป็นไทยของเรา นี่คือสิ่งที่ฝากคุณครูไว้ว่า คนไทยควรจะเป็นอย่างไร คนไทยจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติบ้านเมืองอย่างไร คนไทยจะเข้าใจประชาธิปไตยลึกซึ้งอย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า แม้แต่การเรียนการสอน เหมือนที่ให้คำขวัญว่า ศิษย์ดีก็ด้วยครูดี มีศรัทธา หากครูและศิษย์ต่างคนต่างมีศรัทธาซึ่งกันและกัน จะทำอะไรก็สำเร็จทุกอย่าง เพราะเชื่อมั่นกันและกัน ครูสอนครูบอกก็เชื่อ เด็กมีปัญหาอะไรก็เชื่อมั่นในครู ครูก็เชื่อมั่นว่านักเรียนสอนแล้วจะเป็นคนดีในวันหน้า ศรัทธาเป็นบ่อเกิดของความสำเร็จ นอกจากนี้ บุคลากรทางการศึกษา ผู้ประกอบการ รัฐ และเอกชน ทั้งหมดก็ต้องศรัทธาระหว่างกันด้วย ทำอย่างไรให้การศึกษาดีขึ้น ตั้งแต่ท้องแม่ ก่อนวัยเรียน ประถม มัธยม อุดมศึกษา และอาชีวะ ตามความสามารถของเด็ก ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เราต้องเดินหน้าไปให้ได้ เหมือนต่างประเทศที่คัดแยกคนให้เด็กทุกคนรู้ว่าตัวเองจะไปทางไหน มิเช่นนั้นจะไปผิดทางกันหมด เมื่อเรียนสูงขึ้นก็เรียนไม่ไหว จึงฝากคิดในเรื่องนี้ไว้ด้วย
        พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า การผลิตลูกศิษย์ต้องผลิตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป มิเช่นนั้นจะไม่มีงานทำ ทำให้เกิดภาระบ้านเมืองและปัญหาสังคม ดังนั้น ทุกอย่างเริ่มต้นที่ครู และต้องสอนให้นิยมเข้ามาศึกษา นิยมไปเลือกตั้ง นิยมเข้าใจประชาธิปไตยถูกต้อง และสิ่งสำคัญคือผลิตออกมาต้องมีอาชีพ นี่คือการบ้านที่ทุกคนต้องมี โดยต้องเริ่มตั้งแต่ต้นว่าอยากเป็นอะไรชอบอะไร ต้องเกลี่ยคนเรียนอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาให้เหมาะสม เพราะหากเลือกเรียนปริญญาที่ง่ายแต่จบมาไม่มีงานทำก็ไม่ได้ หรืออย่างอาชีวะให้เขามาเรียนก็อาจต้องมีการต่อยอดให้ได้รับปริญญา 

         นอกจากนี้ ต้องคิดการเรียนการสอนที่รองรับสังคม 4.0 และสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย คือ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การใช้เทคโนโลยีต่างๆ แทนมนุษย์ ซึ่งประเทศไทยมีคนอยู่ทุกกลุ่มตั้งแต่ 1.0 - 4.0 จะทำอย่างไรให้ทุกคนอยู่ได้ และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจะทำอย่างไร ซึ่งพยายามคิดแก้ปัญหาแบบครู อย่างเรื่อง 4.0 ขอแค่ใช้ปัญญารู้จักคิดและพัฒนาตนเองก็ถือว่าเป็น 4.0 แล้ว 
       "ปัญหาเรื่องส่วนตัวของครูก็พร้อมดูแล แต่ท่านต้องเริ่มแก้ปัญหาจากตัวเองก่อน การปฏิรูปการศึกษาก็เช่นกัน หากเริ่มที่การเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็จะแก้ไขได้ แต่ละเรื่องต้องแยกกัน เรื่องแรกคือ เรื่องครูและสวัสดิการต่างๆ ภายในของครู และเรื่องที่สอง คือ สังคมอยากรู้ว่ามีการทำอะไรที่สำเร็จเป็นรูปธรรม หรือทำอะไรให้เกิดขึ้นแก่เด็ก ผู้ปกครอง และสังคมบ้าง ซึ่งหากทำให้เห็นชัดเจนเขาก็จะเกิดความศรัทธาและนำมาซึ่งความสำเร็จเพราะรู้จักฟังคนอื่น"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
      อย่างไรก็ตาม วันครูในปีนี้ขอให้การปฏิรูปการศึกษาสำเร็จอย่างแท้จริงเป็นผลสัมฤทธิ์ เช่น ทำให้เด็กมีงานทำ พัฒนาครู เป็นต้น  ครูต้องปรับการเรียนการสอนในห้องเรียน เพื่อให้ครูเดินไปด้วยกันกับเด็กได้ โดยการนำประเด็นต่างๆในโลกโซเชียลมาสอนให้เด็กขยายประเด็นต่อยอด เพื่อให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์เป็นมากขึ้น ในโอกาสวันครูปีนี้ขอให้ครูและเด็กมีความศรัทธาซึ่งกันและกัน เพื่อทำให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง