ไลฟ์สไตล์

6 หนุ่มเด็กดนตรี ม.รังสิต เรียนดี กิจกรรมเด่น

6 หนุ่มเด็กดนตรี ม.รังสิต เรียนดี กิจกรรมเด่น

20 ธ.ค. 2560

กว่าจะเรียนจบออกไปเป็นนักดนตรีได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยโดยเฉพาะที่วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต จริงจังแค่ไหน?ไปแชร์ประสบการณ์กับ6 หนุ่มเด็กดนตรี ม.รังสิต

 

            ใครหลายคนอาจคิดว่าเลือกเรียนดนตรี สบายจะตาย วันๆ เล่นแต่ดนตรี ร้อง เล่น เต้น กันไปตามประสาจะเอาอะไรไปสู่เด็กสายอื่นๆเขาได้...มันไม่จริงเลย!!

      กว่าจะเรียนจบออกไปเป็นนักดนตรีได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยโดยเฉพาะที่วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต จริงจังแค่ไหน? พี่ๆ ทั้ง 6 คนจากครอบครัวคนดนตรี ขอแชร์ประสบการณ์จากการเรียนที่ไม่ใช่แค่เรียนๆ เล่นๆ แต่ต้องเรียนให้ดี เรียนให้ได้ และเพคเฟกด้วยกิจกรรมเพื่อการก้าวสู่การเป็น “นักดนตรี” ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

            คนแรก ณภัทร กิตติวิไลลักษณ์ ชื่อเล่น มาร์ท นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาดนตรีแจ๊สศึกษา (Jazz Studies) เครื่องเอกกีต้าร์ไฟฟ้า ปัจจุบันได้เกรดเฉลี่ย 3.81 เลือกเรียนที่วิทยาลัยดนตรีเพราะว่าได้ยินชื่อเสียงของอาจารย์วิทยาลัยมาจากรุ่นพี่ และได้มีโอกาสดูการแสดงดนตรีของวิทยาลัยด้วย ทำให้มั่นใจที่จะเลือกเรียนที่นี่

     เขา มี Julian Lage มือกีต้าร์แจ๊สเป็นไอดอล ทำให้อยากเป็นมือกีต้าแจ๊ส แน่นอนว่ากว่าจะไปถึงขึ้นนั้น ต้องทั้งเรียนทั้งซ้อมค่อนข้างหนัก แม้จะต้องนั่งดีดกีต้าร์อยู่ทั้งวันก็ตาม และที่นี่นักศึกษาทุกชั้นปีจะมีกิจกรรม/การแสดงตลอดให้ได้โชว์ตลอด ไม่ค่อยว่างไปเตร็ดเตร่คณะอื่นๆ ต้องจัดตารางเวลาของแต่ละวันให้ดี พลาดไม่ได้ทั้งเรียนและงานแสดง

     “การมีโอกาสได้แสดงในงานต่าง สนุกและมีความสุขกับทุกโชว์ที่ได้เล่น ทุกๆงานจะมีบรรยากาศที่ต่างกัน ผู้ชมที่ต่างกัน ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับทุกๆงานที่ได้เล่น” ทุกการแสดงต้องเต็มที่จริงจัง มิฉะนั้นอาจจะไม่ผ่านตาอาจารย์ได้ครับ

          จิรณัฐ จรียะธนา หรือ น้ำ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาการผลิตดนตรี (Music Production) เกรดเฉลี่ย 3.52 เลือกเรียนดนตรีเพราะเสียงดนตรีทำให้มีความสุขเลย ชอบ Eric Clapton เพราะเป็นคนดนตรีที่สามารถเล่นดนตรีและส่งมาถึงคนฟังได้อย่างดีเยี่ยม

     ทั้งในด้านเทคนิคการเล่นกีตาร์ที่เรียบง่ายแต่มีคุณภาพ เนื้อร้องที่สื่อถึงคนฟังให้เข้าใจได้อย่างง่าย มีความสุขมากที่ได้เล่น ได้ทำเพลงให้คนอื่นได้ฟังผลงานของเราเอง เหมือนเป็นการแบ่งปันความสุขให้กับคนฟัง เวลาคนดูคนฟังมีความสุข สนุกกับเพลงเรามันก็ทำให้เรามีความสุขที่ได้ทำออกไปเช่นกัน

     ซึ่งตรงนี้ต้องผ่านด่านการเรียนที่เข้มข้น และลึกซึ้ง ต้องตั้งใจเรียนให้เต็มที่ พยายามจดสิ่งที่ได้เรียนจากอาจารย์ไว้ทุกอย่าง เพื่อที่เวลาทบทวนเราจะได้เข้าใจและจับจุดได้

     นอกเหนือจากการเรียนก็ทำกิจกรรมกับวิทยาลัย ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบสูง เพราะดนตรีคือการทำงานเป็นทีม เป็นเรื่องสำคัญมากของนักดนตรีทุกคน ทุกการแสดงต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพ เพราะทุกกกิจกรรมจะเป็นการฝึกตัวตนของเรา

             ต่อมา ปลื้ม-นนทพัทธ์ ชื่นวาริน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการแสดงดนตรี (Music Performance) เครื่องเอกเชลโล่ เกรด 3.10 เป็นนักศึกษาทุนความสามารถ ชอบที่วิทยาลัยดนตรีที่นี่อยากเข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านดนตรีที่นี่ครับ ชอบบรรยากาศ คือช่วงที่มีงานและต้องเล่นโชว์ในงานของคณะ เป็นช่วงที่จะได้เจอหน้าเพื่อนพี่น้องครบทุกคนเพราะต้องมาช่วยกันยกของ ขนย้ายไปที่ทำการแสดง การมีกิจกรรมแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก อย่างน้อยก็ได้สนิทกับเพื่อนๆมากขึ้น

      และทุกครั้งที่ได้เป็นตัวแทนแสดงในงานต่างๆ รู้สึกภูมิใจตัวเองที่อาจารย์ไว้วางใจให้เราทำหน้าที่ และทุกครั้งก็จะทำอย่างเต็มที่ หลักสูตรของวิทยาลัยดนตรีจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ ปฏิบัติและทฤษฎี จริงๆแล้วอ่อนทฤษฎีมาก จึงใช้เวลานอกห้องเรียน พักเที่ยงหรือหลังเลิกเรียน ขอความช่วยเหลือจากอาจารย์และเพื่อนๆ เพื่อทบทวน จากนั้นก็ทบทวนด้วยตัวเอง และซ้อมหลังเวลา 17.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะพอใจ

        ดิว-อรุณพงศ์ ชัยวินิตย์ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการผลิตดนตรี (Music Production) กับเกรดเฉลี่ย 3.41 ส่วนตัวผมได้มีโอกาสเข้ามาร่วมกิจกรรม Jazz Camp ที่วิทยาลัยดนตรีแล้วรู้สึกถึงความน่าอยู่ของบรรยากาศ และสังคมดนตรีที่นี่ อีกอย่างหลักสูตรของวิทยาลัยดนตรีที่น่าสนใจ อาจารย์ทุกคนมีคุณภาพมีความเป็นครอบครัวคอยดูแลกันเหมือนลูกหลาน เป็นพี่เป็นน้องกัน

      สำหรับบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเป็นนักดนตรี คือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงตัดสินใจมาสมัครเรียน พอได้มาเรียแล้วต้องบอกว่ามันคือความสุขจริงๆ ทำให้รู้ว่าชีวิตของเราจะมีความสุขกับอะไรได้บ้าง คือความสุขของคนร้องเพลงที่ได้ให้ความสุขกับคนดู แล้วเมื่อคนดูมีความสุขกับสิ่งที่เราทำมันมีความสุขมากยิ่งขึ้น  ทำงานด้วยเรียนไปด้วย ก็ต้องยอมรับว่าถ้าเลือกทำงานด้วยเวลาที่จะพุ่งความสนใจในการเรียนอาจจะลดลงไปบ้าง ก็ต้องหาเวลาที่จะทำการบ้านมากขึ้น

     ซ้อมในส่วนที่เราอาจจะไม่ได้ซ้อมเหมือนเพื่อน อาจจะมีเวลาที่จะพักน้อยกว่าแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะทุกกิจกรรมมันก็คือประสบการณ์ ที่จะทำให้เราพัฒนาขึ้นในฐานะคนดนตรีครับเพราะฉะนั้นก่อนที่จะเลือกทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีก่อนว่าเราทำไหวจริงๆหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วมันสามารถไปด้วยกัน ได้ทำงานได้ร้องเพลงถึงจะหนักหน่อยแต่เพื่อเป็นคนดนตรีที่มีคุณภาพก็โอเคครับ

            คนที่สาม เสฏฐวุฒิ มิลตัน ชื่อเล่น พิน นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการแสดงดนตรี (Music Performance) เครื่องเอกไวโอลิน เกรดเฉลี่ย 3.69 ผมมีตั้งใจอยากเข้ามาเรียนไวโอลินกับครูเบิร์ด “ครูเบิร์ด คือ ไอดอลในดวงใจ” พอได้เข้ามาเรียนที่นี่แล้ว สำหรับคิดว่าการซ้อมเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ลำดับต้นๆของนักดนตรีก็ว่าได้ ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการจัดการเวลาของตัวเองให้ดี แล้ววิเคราะห์ว่าในแต่ละวันจะสามารถซ้อมช่วงไหนได้บ้าง แต่ละช่วงจะซ้อมอะไรเป็นหลัก ตัวย่างเช่นจะซ้อมสเกลทุกเช้าอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

       จากนั้นจะซ้อมแบบฝึกหัดหรือเพลงอีกครั้งหลังเลิกเรียน และทำกิจกรรมต่างๆ ประมาณ 4 ชั่วโมงตั้งแต่ 18.00-22.00 น. เป็นประจำทุกวันครับ  นอกจากการซ้อมแล้ว หากวันไหนรู้สึกว่าเรียนตามบทเรียนในห้องไม่ทันหรือไม่เข้าใจ ก็จะต้องเผื่อเวลานั่งทบทวน ฝึกซ้อม แล้วก็ทำความเข้าใจก่อนที่จะไปซ้อมต่อ หรือทำอย่างอื่น  หากเรามีเวลาซ้อมที่มากพอ บวกกับความใส่ใจบนเส้นดนตรีที่เลือกคิดว่าสามารถทำเรื่องเรียนและกิจกรรมออกมาได้ดี ดังนั้นต้องไม่ควรพลาดครับ

       สุดท้าย ปฏิทัศน์ จันทนากร หรือ เฟรน นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาการแสดงขับร้องละครเพลง (Vocal Performance)  เกรดเฉลี่ย 3.10 เป็นคนชอบร้องเพลง ที่มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นที่เดียวที่มาสอบเพราะรู้จักรุ่นพี่ในคณะ เขาบอกว่าที่นี่อบอุ่น มีแต่อาจารย์เก่งๆ มี พี่ตูน Bodyslam เป็นแรงบันดาลใจ ที่จะเป็นนักร้องนักดนตรี ที่วิทยาลัยดนตรีรู้สึกได้รับโอกาส ได้ลองผิดลองถูก เป็นอะไรที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากโลกภายนอก มีความสุขทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และอาจารย์ การจัดตารางเรียนของเขาจะพยายามแยกวิชาเรียนกับกิจกรรมออกจากกัน จะเน้นซ้อมเยอะๆ ซึ่งตรงนี้จะจัดตารางซ้อมอย่างสม่ำเสมอ และที่ขาดไม่ได้ คือ พยายามไม่ขาดเรียนครับ