82ความทรงจำวันรับปริญญาม.อัลอัซฮัร | คมชัดลึก

 

      ปีนี้ม.อัลอัซฮัรมีผู้สำเร็จการศึกษา82 คน”ชัยณรงค์ กีรติยุวงศ์" เอกอัครราชทูตไทย กรุงไคโร ได้ถ่ายทอดความทรงจำดีๆในวันงานพิธีมอบปริญญาบัตรแก่บัณฑิต 82 คนม.อัลอัซฮัร ในปี 2560 ซึ่งวันเดียวกัน2 นักศึกษาเด่นประจำปี ได้เปิดเผยเคล็ดลับในการเรียนจนประสบผลสำเร็จด้วย มาเติมเต็มกำลังใจให้กับน้องๆนักศึกษาที่ยังคงศึกษาต่อในประเทศอียิปต์  

     ”ชัยณรงค์ กีรติยุวงศ์"  เอกอัครราชทูตไทย กรุงไคโร  กล่าวว่าเมื่อ 32 ปีก่อนเขา เคยมีวันดีๆ แบบนี้เช่นเดียวกัน เพราะปีนั้นเป็นปีที่ไฟฟ้าเกิดดับในหอประชุมจุฬาฯ แล้วในหลวงรัชกาลที่ 9  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรท่านได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นิสิต 8 คนที่รับพระราชทานปริญญาบัตรตอนไฟดับพอดี 

      แต่เมื่อปี 2528 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชทานพระบรมราโชวาทหรือคำสอนให้นิสิตใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตในโอกาสพระราชทานปริญญาบัตร ใจความว่า ..การสร้างอนาคตที่มั่นคงว่า นอกจากเราต้องมีวิชาความรู้แล้วยังต้อง (1) ทำงานอย่างมีหลักการ เหตุผล ระเบียบและสุจริต (2) มีความขยันอดทน พากเพียร สม่ำเสมอ ทั้งในการทำงานและการทำความดี (3) ต้องพยายามศึกษาเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ตลอดเวลาให้กว้างขวางรอบด้าน และ (4) ต้องควบคุมกายใจให้มั่นคง หนักแน่น เป็นกลาง ไม่มีอคติ ซึ่งจะช่วยให้มองปัญหาได้ชัดเจนและตัดสินด้วยความถูกต้องเป็นธรรมและเป็นประโยชน์

    วันที่สอง  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ...กล่าวถึงการสร้างสรรค์ ความเจริญก้าวหน้า ว่าการที่จะทำสิ่งใดให้เจริญงอกงามนั้น ต้องเริ่มต้นเรียนรู้พื้นฐานเรื่องนั้นๆให้ลึกซึ้ง รู้ทั้งส่วนดีและส่วนเสีย เก็บส่วนดีไว้ แล้วพยายามปรับปรุงเสริมสร้างด้วยหลักวิชาที่ใช้เหตุผล และต้องทำด้วยความสุจริตจริงใจ ความเหมาะสมตามกำลังความสามารถ 

    วันที่สาม  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กล่าวถึงประโยชน์และความมั่นคงส่วนรวม เราต้องทำให้ตัวเราเองมั่นคงในการงานและฐานะของเราเองให้ได้ก่อน ซึ่งต้องทำโดยความสุจริตและถูกต้อง เป็นประโยชน์สร้างสรรค์ และต้องไม่ทำอะไรที่เป็นการทวนกระแสความถูกต้องเป็นธรรม และบ่อนทำลายผู้อื่นอย่างเด็ดขาด ถ้าทำได้แล้ว จึงมุ่งมั่นทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม โดยรักษาสมดุลระหว่างประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวมให้ดี อย่าให้เกิดความโลภเห็นแก่ตัวจนไม่คำนึงถึงส่วนรวม  

     ซึ่งวันเดียวกัน 2 นักศึกษาเด่นประจำปี ได้เปิดเผยเคล็ดลับในการเรียนจนประสบผลสำเร็จด้วย มาเติมเต็มกำลังใจให้กับน้องๆนักศึกษาที่ยังคงศึกษาต่อในประเทศอียิปต์   ศิริรัตน์ ฆ้องวงศ์ “ฮัสมะฮฺ”  อดีตเลขาสมาคมฯคนเก่ง ใช้เวลาเรียน 10 ปี เป็นคนจังหวัด กรุงเทพฯ เรียนระดับมัธยมสามัญและศาสนาจาก โรงเรียนบางกอกวิทยา (มูลนิธิ) ระดับศาสนาอย่างเดียวจากโรงเรียนศาสนวิทยาและได้รับทุนมาศึกษาต่อยังประเทศอียิปต์ เดินทางมาอียิปต์เมื่อปี 2007-2008 เข้าศึกษาในคณะศาสนศาสตร์ ใช้เวลาในการเรียน 10 ปี

     สาเหตุที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะว่า ต้องการเผยแพร่ศาสนากับต่างศาสนิกให้มีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในอิสลามมากขึ้น และตั้งใจจะเป็นครูสอนศาสนาให้กับคนมุสลิมโดยไม่จำกัดอายุเพื่อให้มีหลักการที่มั่นคงชัดเจน

      สิ่งที่อยากบอกกับน้องๆ ว่าด้วยเรื่องของการสอบไม่ผ่านหรือการสอบตกของมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร เป็นเรื่องปกติ คนเราทุกคนเจอบททดสอบมาไม่เหมือนกัน สิ่งหนึ่งที่ควรมีคือ ความอดทน น้องบอกว่าตัวเองสอบไม่ผ่านกี่ครั้งก็ไม่เคยท้อ เสียใจได้แต่อย่ายอมแพ้และอย่าถอย

      "สิ่งหนึ่งที่เป็นกำลังใจมากที่สุดคือ ทุกครั้งที่ผลสอบออกมากำลังจากพ่อ ที่พูดอยู่เสมอคือ “เรียนไปเถอะลูก กี่ปีไม่ว่าแต่ขอให้จบ ” และวันนี้วันดีที่พ่อแม่พี่น้องต่างภูมิใจ แม้จะใช้เวลานานแต่ก็คุ้มกับการที่เราสามารถคว้าใบปริญญาของมหาวิทยาลัยที่ผลิตนักวิชาศาสนาการระดับโลกมาครองได้ สำคัญคือ จงนำสิ่งที่เรียนรู้มา นำมาสู่การปฏิบัติ คือสิ่งที่จำเป็น” น้องฮัสมะฮ กล่าว 

       ชานนท์ โซ๊ะเฮ็ง หรือ “อับดุลมานาฟ” แชมป์ท๊อป 5 หนุ่มหน้าตาดีของกีฬาสี สมาคมฯปี 2015 คว้านักเรียนคะแนนดี ความประพฤติเด่นอีกด้วย เป็นคนจังหวัดฉะเชิงเทรา จบการศึกษาทางศาสนา จาก โรงเรียนดารุ้ลอุลูม คลอง16 ของอาจารย์ฮูเซ็น อีซอ จบสามัญ กศน. (เรียนรามด้วย แต่สอบติดทุนไคโร เลยไม่ได้เรียนต่อ) มาอียิปต์เมื่อปี 2015 เข้าศึกษาคณะ นิติศาสน์อิสลาม 

    ชานนท์ โซ๊ะเฮ็ง หรือ “อับดุลมานาฟ” 

       ตอนนี้ศึกษาอยู่ปีที่2 ที่เลือกคณะนี้เพราะ อยากเรียนวิชาฟิกห์ เพราะปัจจุบันนี้สังคมมีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ วัตถุนิยม เครื่องสื่อสารก็มีมาเรื่อยๆ คำถามใหม่ๆก็เกิดขึ้นมามาก จะได้นำไปบอกเล่าที่บ้านเกิดเมืองนอนได้

    ส่วนอนาคตตัวเองอยากนำความรู้ไปบอกเล่าให้ผู้คนในสังคมเข้าใจ ในเรื่องการคว้าคะแนนเรียนดีปีนี้น้องอับดุลมานาฟบอกว่า ต้องพยายามอยู่กับหนังสือตลอดเวลา ตามไปเรียนทุกที่ๆมีการสอน หากรู้ว่าไม่ใช่คนเก่งก็ให้อาจารย์รุ่นพี่คอยสอนอยู่เสมอ ทบทวนบทเรียนด้วยการจับใจความและทำสัญลักษณ์ตอนที่สำคัญๆเอาไว้ แล้วท่องจนชินปาก

    “ เคล็ดลับอีกอย่างที่ทำให้ได้คะแนนดีคือ จับกลุ่มติวเข้มและให้นึกถึงคนที่เรารักทั้งเช่นครอบครัว ญาติๆ ที่คอยส่งเงิน ส่งกำลังใจ และช่วยขอพรให้เราอยู่ตลอดและรอดูความสำเร็จของเรา สิ่งนี้จะทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจพิเศษเกิดขึ้นเสมอ”