ไลฟ์สไตล์

น้ำตา “กูปรี”  ตกชั้น-ล้มบอล  บทเรียน “เสี่ยนาย”

น้ำตา “กูปรี” ตกชั้น-ล้มบอล บทเรียน “เสี่ยนาย”

22 พ.ย. 2560

นี่เป็นวิกฤตของทีมศรีสะเกษ นับแต่มีการก่อร่างสร้างทีมลูกหนังกันมา ซึ่งต้องเผชิญทั้งปัญหา “ทีมตกชั้น” และผู้บริหารบางคนพัวพันล้มบอล

          หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) จับ 12 ผู้เกี่ยวข้องกับการล็อกผลฟุตบอลไทยลีก โดยมีบุคลากรของทีมศรีสะเกษ เอฟซี คือ เชิดศักดิ์ บุญชู ผู้อำนวยการสโมสร ตกเป็นผู้ต้องหาคดีล้มบอล

          ร้อนถึง “เสี่ยนาย”ธเนศ เครือรัตน์ ประธานสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี ต้องออกมาแลถงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์ของทีมกูปรีอันตรายต่อคดีล็อคผลการเเข่งขันที่กำลังมีการสอบสวนกันอยู่ในเวลานี้

น้ำตา “กูปรี”  ตกชั้น-ล้มบอล  บทเรียน “เสี่ยนาย”

          “ขอยืนยันว่าในนามสโมสร ตัวผมเอง และเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์ในครั้งนี้เลย อยากให้เอาผิดให้ถึงที่สุด และยืนยันว่าไม่ใช่คนสนิทกันตามที่เป็นข่าว แต่เมื่อขันอาสามาช่วย ก็เลยตั้งไอดีการ์ดเป็นผู้อำนวยการสโมสร”

          นอกจากนี้ “เสี่ยนาย” ยังเปิดว่า มีนักฟุตบอลของทีมศรีสะเกษ เอฟซี อีก 4 คน ที่ตกอยู่ในกลุ่มต้องสงสัย ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ส่วนกรณี “เชิดศักดิ์” นั้นตามบทลงโทษขั้นแรกต้องออกจากสโมสรก่อน และจะไปปรึกษาทนายอีกทีถ้าเขาผิดจริงและอ้างถึงสโมสร “เสี่ยนาย” ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

          นี่เป็นวิกฤตของทีมศรีสะเกษ นับแต่มีการก่อร่างสร้างทีมลูกหนังกันมา ซึ่งต้องเผชิญทั้งปัญหา “ทีมตกชั้น” และผู้บริหารบางคนพัวพันล้มบอล

น้ำตา “กูปรี”  ตกชั้น-ล้มบอล  บทเรียน “เสี่ยนาย”

          ก่อนหน้าที่ทีมบูรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะผงาดเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี หรือ“กูปรีอันตราย” เป็นยอดทีมแห่งแดนอีสานใต้ มีแฟนคลับมากมาย แต่ในฤดูกาล 2017 ทีมกูปรีอันตราย ต้องตกชั้นไปเล่นไทยลีก 2 อันเป็นการยุติเส้นทางในลีกสูงสุด 6 ปี

          การตกชั้นของศรีสะเกษ เอฟซี ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เนื่องจาก “เสี่ยนาย”ธเนศ เครือรัตน์ ก็ยอมรับว่า ทีมมีปัญหาด้านเงินทุนสนับสนุนจากสปอนเซอร์ ทั้งที่ในอดีต ทีมศรีสะเกษ ได้ชืือว่าเป็นทีมจอมทุ่มซื้อตัวนักเตะทีมหนึ่ง

          สำหรับ “เสี่ยนาย” เป็นบุตรชายของ ไพโรจน์ เครือรัตน์ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ 5 สมัย โดยตัวเขาเองประกอบอาชีพธุรกิจสถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และรับเหมาก่อสร้าง

          “เสี่ยนาย” เริ่มเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น เป็น ส.จ. และเป็นรองนายก อบจ. ก่อนจะเข้ามาสังกัดพรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทย แต่ที่น่าสนใจคือ “เสี่ยนาย” รับมรดกสโมสรฟุตบอลมาจากบุญชง วีสมหมาย อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ ผู้ล่วงลับจึงได้เข้ามาดูแลทีมศรีสะเกษ เอฟซี

          ช่วงปี 2554-2556 สมัยรัฐบา่ลยิ่งลักษณ์ ทีมกูปรีอันตรายรุ่งเรืองมาก เพราะเวลานั้น “เสี่ยนาย” เป็นคนสนิทของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงอดีตรัฐมนตรีมหาดไทย และอดีตรัฐมนตรีแรงงานฯ ประกอบกับมีนักธุรกิจใหญ่ชาวอุบลฯสมบัติ เกียรติสุรนนท์ มาบริหารทีม จึงทำให้กูปรีอันตรายโด่งดัง ไม่แพ้ทีมปราสาทสายฟ้า

          นับจากปี 2557 เป็นต้นมา ทีมศรีสะเกษ เอฟซี ประสบปัญหาภายในองค์กร “เสี่ยนาย” แตกคอกับ “สมบัติ” มีเรื่องฟ้องร้องกัน สุดท้ายสิทธิ์ในการทำทีมศรีสะเกษฯ ตกมาเป็นของเสี่ยนาย แต่การที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ยาวนานมาถึง 3 ปี ย่อมส่งผลต่อการทำทีมพอสมควร

          เมื่อรู้ว่า ทีมศรีสะเกษ เอฟซี จะตกชั้น “เสี่ยนาย” จึงวิ่งหากลุ่มทุนใหม่เข้าช่วยทำทีมให้เป็นแชมป์ไทยลีก 2 โดยหวังจะกลับขึ้นไปเล่นไทยลีกในฤดูกาล 2019

          ปลายเดือน ต.ค.มีข่าวเล็กๆ ชิ้นหนึ่งในหน้านสพ.สยามกีฬารายวันว่า “เสี่ยนาย” เปิดการเจรจากับตระกูล “อยู่บำรุง” ขอให้มาสนับสนุนทีมศรีสะเกษฯแต่ข่าวดีลธุรกิจลูกหนังกับตระกูลอยู่บำรุง ก็เงียบหายไป

          ช่วงหลังทางเสี่ยนาย ได้เข้ามาเจรจากับทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และดูเหมือนว่า ทางผู้ใหญ่ในสมาคมฯ จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการเงินให้กับทีมกูปรีอันตราย

          แม้ในอดีต “เสี่ยนาย” จะสนิทกับวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลฯแต่ปัจจุบัน ลมเปลี่ยนทิศแล้ว นักการเมืองอย่าง “เสี่ยนาย” ย่อมรู้ดีว่า จะเลือกยืนอยู่ข้างไหน? ในภาวะที่ทีมกูปรีกำลังตกอยู่ในอันตรายยิ่ง