
พบ“หนอนตัวแบนนิวกินี” แจ้งไลน์ด่วน
“แจ้งข่าว กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ล้างผัก” ช่วยให้สุขภาพห่างไกลจากเจ้า“หนอนตัวแบนนิวกินีพบเห็นถ่ายรูปส่งมายังline:@qbw4880w ร่วมด้วยช่วยกันไม่ให้แพร่กระจาย
“หนอนตัวแบนนิวกินี (Platydemus manokwari)” ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสัตว์ประหลาด และถูกจัดเป็น 1 ใน 100 ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานที่น่ากลัวที่สุดในโลก แถมหากใครพบเห็น สามารถถ่ายรูปส่งมายังline:@qbw4880w เพื่อร่วมด้วยช่วยกันไม่ให้เจ้าหนอนชนิดนี้แพร่กระจาย รุกรานมากขึ้น
จากชื่อเสียงของเจ้า “หนอนตัวแบนนิวกินี” ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการ กินหอยทาก ในประเทศญี่ปุ่นจนหายไป 16 ชนิดสายพันธุ์ ใน 25 ปี หรือการกระจายตัวข้ามทวีปจากโซนหนึ่งของโลกไปอีกโซนหนึ่ง ทำให้เมื่อพบเจ้าหนอนดังกล่าวในประเทศไทย จึงเกิดความตื่นตระหนักการแพร่กระจายสู่ป่า เป็นพาหนะของโรคอะไรได้เข้า กระทบต่อระบบความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศน์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กรมวิชาการเกษตร กรมควบคุมโลก และสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย(สกว.) ร่วมกันหาแนวทางจัดการหนอนตัวแบนนิวกินี
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุม กล่าวว่าที่ประชุมได้สรุปถึงแนวทางการจัดการหนอนตัวแบนนิวกินีร่วมกัน โดยเน้นบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านวิชาการ การระบุชนิดพันธุ์ โดยทางสกว. จะเป็นเจ้าภาพในการการตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันชนิดพันธุ์ของหนอนตัวแบนนิวกินี ร่วมกับ ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ กลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม (Siamensis) เพื่อให้ทราบชนิดพันธุ์ที่แน่ชัด
อีกทั้งลงพื้นที่สำรวจการแพร่กระจายในประเทศ ทั้งชุมชน พื้นที่เกษตรกรรม และพื้นที่ป่าไม้ อันนำไปสู่การควบคุมผลกระทบที่เกิดขึ้นในระบบความหลากหลายทางชีวภาพ การศึกษาการเป็นพาหะของโรค การป้องกัน เฝ้าระวัง ควบคุมการแพร่กระจาย และการวางแผนป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายเข้าสู่เขตพื้นที่ป่า การหลุดรอดปะปนไปกับสินค้านำเข้า-ส่งออก รวมทั้งการกำจัดที่ถูกต้อง
“จะมีการประเมินความเสี่ยงผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสุขอนามัยของมนุษย์ โดย สกว.พร้อมให้การสนับสนุนทุนวิจัยแก่หน่วยงานต่างๆ ในการศึกษาวิจัยองค์ความรู้เชิงลึก ควบคู่กับการให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชน ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเพราะสามารถป้องกันได้ ตามสโลแกน “แจ้งข่าว กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ล้างผัก” ทั้งนี้เมื่อพบเห็นหรือสงสัยให้ถ่ายรูป และแจ้งมาที่แอพลิเคชันไลน์ Line:@qbw4880 รวมถึงจะมีการทำความเข้าใจและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน ”ดร.วิจารย์ กล่าว
ด้านนางอัษฎาพร ไกรพานนท์ รองเลขาธิการ สผ.กล่าวว่า สำหรับการเสนอปรับสถานภาพของหนอนตัวแบนนิวกินี ตามทะเบียนรายการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานของประเทศไทย จากรายการ 4 ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานที่ยังไม่เข้ามาในประเทศไทย เป็นรายการ 1 ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานแล้ว หรือ รายการ 2 ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่มี่แนวโน้มรุกราน จะดำเนินการภายหลังทราบผลการสำรวจและประเมินความเสี่ยงแล้ว
โดยจะนำเสนอต่อคณะทำงานวิชาการชนิดพันธุ์ต่างถิ่น คณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ (กอช.) พิจารณาให้ความเห็นตามลำดับต่อไป
“หนอนตัวแบนนิวกินี” เริ่มจาก นายมงคล อันทะชัย ได้ส่งภาพหนอนตัวแบนนิวกินี กำลังกินหอยทากในบริเวณบ้านแถบ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เข้าไปในกลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อสอบถามว่าเป็นสัตว์ชนิดใด ซึ่งอาจารย์ยิ่งยศ ลาภวงศ์ ได้ระบุชนิดว่าเป็นหนอนตัวแบนนิวกินี จึงเดินทางไปตรวจสอบร่วมกับ จิรวัฒน์ ผลเพิ่มพูล โดยตามไปเก็บตัวอย่างที่บ้านคุณมงคลเพื่อยืนยัน จนมั่นใจว่าเป็นหนอนชนิดดังกล่าวจริงๆ
ลักษณะของหนอนชนิดนี้ ความยาวเมื่อโตเต็มที่จะประมาณ 6-7 เซนติเมตร ความกว้างประมาณ 0.7-1 เซนติเมตร ลำตัวด้านบนเป็นสีน้ำตาลเข้มและดำมันวาวคล้ายเส้นเฉาก๊วย ไม่มีข้อ ไม่มีปล่องในตัวที่มีสีอ่อนจะเห็นสีน้ำตาลอ่อนพาดกลางหลัง ด้านท้องสีขาวและมีจุดสีขาวเล็กๆ ขนาดเล็กค่อนไปทางด้านหาง ซึ่งเป็นส่วนปาก แสดงตำแหน่งของปาก อยู่เยื้องไปทางท่อนหางของแนวกึ่งกลางลำตัว มีถิ่นกำเนิดบนเกาะนิวกินี
โดยพื้นที่ที่พบครั้งแรกอยู่ในจังหวัดปาปัวตะวันตกของประเทศอินโดนีเซีย หนอนชนิดนี้กินหอยทากและทากเปลือกเป็นอาหารหลัก และถ้าไม่สามารถหาหอยทากกินได้ ยังมีรายงานกินทากเปลือยและไส้เดือนด้วย ในการล่านั้นหนอนตัวแบนจะเลื้อยออกหากินในเวลากลางคืนและตามล่าหอยทากด้วยการตามกลิ่นเมือกไป
ดร.นณณ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีรายงานการพบหนอนตัวแบนนิวกินีในพื้นที่ 20 จังหวัดของไทย ซึ่งข้อน่ากังวลเกี่ยวกับหนอนตัวแบนนิวกินีคือมีรายงานการวิจัยในประเทศญี่ปุ่นพบว่าหนอนชนิดนี้กินทากเป็นอาหารและทำให้ทากท้องถิ่นสูญพันธุ์ ซึ่งในประเทศไทยต้องมีการศึกษาว่าจะกระทบกับทากท้องถิ่นและความหลากหลายของทากท้องถิ่นในพื้นที่ป่าหรือไม่ เหตุที่ต้องกังวลในเรื่องของทากเพราะแมลงสำคัญในระบบนิเวศน์ของไทยจะมีวงจรชีวิตช่วงหนึ่งอยู่ร่วมกับหอยทาก ซึ่งจะมีผลให้หิ่งห้อยลดจำนวนหรือสูญพันธุ์จากประเทศไทยได้ นอกจากนั้นยังมีในเรื่องการเป็นพาหนะในโรคสู่คนหรือไม่ซึ่งต้องทำการศึกษาวิจัยต่อไป
“หนอนชนิดนี้เป็นสัตว์ 2 เพศในตัวเดียวกัน แต่การผสมพันธุ์จะต้องใช้ 2 ตัว ออกจากไข่ประมาณ 3 สัปดาห์ จากนั้นสามารถผสมพันธุ์ได้ทันที โดยการวางไข่แต่ละครั้งประมาณ 5-10 ฟอง มีอายุยืนประมาณ 2 ปี ระหว่างนี้ก็จะวางไข่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตาย ส่วนการกำจัดสามารถทำได้สองวิธีคือใช้น้ำร้อนลวกหรือหยอดด้วยเกลือป่น แต่ห้ามใช้การสับหรือหั่น และอย่าไปแตะตัวหนอน เพราะอาจจะแพ้เมือกของหนอนได้”
ขณะนี้ในประเทศไทย ยังไม่มีการรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากหนอนดังกล่าว อาจจะมีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ ดังนั้น ขอให้ประชาชนเข้าใจและป้องกันโดยการกินอาหารปรุงสุกด้วยความร้อน และยึดตามสโลกแกน อีกทั้งเมื่อพบเห็น ถ่ายรูป และแจ้งทางไลน์มาซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบให้และตอบคำถาม