
ฝนตกนรกหรือสวรรค์
พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า "ฝนย่อมรั่วรดเรือนที่มุงไม่ดี ฉันใด ราคะ ย่อมรั่วรดจิตที่ไม่อบรม ฉันนั้น ฝนย่อมไม่รั่วรดเรือนที่มุงดีแล้ว ฉันใด ราคะย่อมไม่รั่วรดจิตทีอบรมดีแล้ว ฉันนั้น"
คำตรัสของพระพุทธเจ้า เป็นข้อบ่งชี้ว่าพระพุทธเจ้าสามารถนำทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นอุปกรณ์สอนพระธรรมได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะปรากฏการณ์ธรรมชาติใกล้ตัวในขณะนั้นๆ พระพุทธเจ้ามักจะทรงหยิบมากล่าวเทียบเคียงกับข้อธรรมโดยสม่ำเสมอ
เรื่องฝนตก เปียก เฉอะแฉะ ทำให้จราจรติดขัด และผลข้างเคียงอื่นๆอีกมากมาย เป็นความทุกข์ที่เกิดจากความไม่ยินดีในกรณีฝนตก โดยเฉพาะคนในเขตเมือง แต่คนในชนบทที่ต้องอาศัยน้ำฝนช่วยรดน้ำต้นไม้ ย่อมมีความรู้สึกเป็นสุข ประสบความหรรษาเมื่อเวลาฝนตก นั่นแปลว่า การที่ฝนตกจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ อยู่ที่ความยินดีหรือความไม่ยินดีเป็นประการสำคัญ ดังคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า "ความยินดีนั่นแลเป็นความสุข ความไม่ยินดีนั่นแลเป็นความทุกข์"
ไม่ว่าจะเป็นคนในเมืองหรือคนชนบท ควรสร้างความเป็นมิตรกับวสันตฤดู ด้วยการหมั่นรองน้ำฝนไว้อาบ ซักผ้า แม้ที่สุดใช้ดื่มได้เลย มีคนจำนวนไม่น้อยคัดค้านข้อเสนอนี้โดยมีข้อโต้แย้งว่าน้ำฝนในเมืองไม่สะอาดด้วยอากาศเป็นพิษ ก็น่าจะตั้งคำถามกลับไปว่า เมื่อไม่สะอาดแล้วคนจำนวนมากยังหายใจอยู่ในเขตเมืองมลพิษนี้ได้อยู่ ก็แสดงว่าเป็นความไม่สะอาดในระดับหนึ่ง แต่ก็พอจะเป็นอยู่ได้เป็นปกติดี อากาศที่หายใจกับน้ำฝนที่อุปโภคและบริโภคก็น่าจะเป็นอย่างเดียวกัน
ส่วนเรื่องความสะอาดของน้ำฝนนั้นไม่เห็นเป็นปัญหา การนำมาต้มก่อนแล้วค่อยดื่มก็ช่วยให้เกิดความสบายใจเท่านั้นเอง โดยจริงไม่ต้องต้ม เพียงผ่านกระบวนการกรองก็น่าจะพอ แต่สำหรับเพื่อนนักบวชร่วมอารามรูปนั้น เชื่อว่าท่านไม่ต้มไม่กรองน้ำฝน ท่านน่าจะดื่มและใช้โดยตรง
เมื่อได้หวนกลับมารองน้ำฝนเพื่อใช้ดื่มและอาบ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกยินดีทุกครั้งที่ฝนตก แตกต่างจากความรู้สึกก่อนช่วงรองน้ำฝน ใครก็ตามที่ได้ทดลองปฏิบัติในเรื่องนี้ ก็น่าจะเข้าถึงความจริงโดยไม่ต้องเสียเวลาโต้แย้งด้วยความคิดผิวเผินเท่านั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าน้ำฝนเป็นทูตแห่งสวรรค์ที่เทพไท้เทวาส่งมาเป็นรางวัลให้แก่มนุษยชาติ น้ำฝนมิใช่เป็นของฝากจากนรกที่หลายคนพากันหลบหลีกดังที่เห็นและเป็นอยู่
ท่านจันทร์ www.prajan.com