ไลฟ์สไตล์

พึ่งตนพึ่งธรรม-วีรณัฐ โรจนประภากับงาน...ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์

พึ่งตนพึ่งธรรม-วีรณัฐ โรจนประภากับงาน...ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์

27 ก.ย. 2552

หากใครรู้จัก "บ้านอารีย์" บนถนนพหลโยธิน ก็คงเคยอ่านเรื่องราวของผู้ชายคนนี้มาบ้าง วีรณัฐ โรจนประภา ผู้ก่อตั้ง มูลนิธิบ้านอารีย์ ซึ่งมีกิจกรรมทางธรรมมากมาย ทั้งห้องสมุดธรรมะ การบรรยายธรรมะ การแจกซีดี และหนังสือธรรมะ ฯลฯ

 หลังจากวีรณัฐหันหลังให้ธุรกิจ ที่เขาบอกว่า เป็นงานร้อน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เขาจึงมาทำงานทางธรรม ทำให้ บ้านอารีย์ กลายเป็นสถานที่พักใจ ให้โอกาสคนได้เรียนรู้ขัดเกลากิเลสในตัวเอง

 ที่นี่จึงมีทั้งคนปฏิบัติธรรมะ คนที่รู้สึกดีๆ กับบรรยากาศร่มเย็น และ คนทำงานจิตอาสา จำนวนมาก

 วีรณัฐ บอกว่า ช่วง ๖-๗ ปีที่ผ่านมา มีคนซักถามเขาเกี่ยวกับเส้นทางปฏิบัติธรรมของตัวเองเยอะมาก โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อทีวี

 “ผมต้องพูดเรื่องแบบนี้เกือบ ๑๐๐ รอบ ผมว่ามันน่าจะเบื่อแล้วล่ะ และผมก็เบื่อกับการพูดเรื่องประสบการณ์ส่วนตัว ในการปฏิบัติธรรม ผมไม่เห็นประโยชน์แล้ว ต่างจากตอนแรกๆ ผมเห็นประโยชน์ เพราะประสบการณ์ของผมน่าจะกระตุ้นให้คนที่สนใจคล้ายๆ กัน ได้รับแรงบันดาลใจ ส่วนหน้าที่ในปัจจุบัน ผมอยากสื่อสารการทำงานทางธรรม เพื่อให้คนเข้ามาเรียนรู้ แล้วทำให้ตัวเองพ้นทุกข์”

 โดยปกติแล้ว บ้านอารีย์มีกิจกรรมทางธรรม ทุกสัปดาห์ เพื่อให้คนที่สนใจแวะเวียนมาปฏิบัติธรรม สำรวจใจตัวเอง โดยมีครูบาอาจารย์แนะนำ และคนทำงานจิตอาสาเข้ามาช่วยงาน คนเหล่านี้จึงต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน

 “สำหรับคนที่สนใจปฏิบัติธรรม เราคิดว่า น่าจะช่วยตรงนี้ได้มาก ในช่วงแรกๆ ผมยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ แต่ตอนนี้พอมี ก็น่าจะใช้เวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นได้บ้าง” 

 เมื่อวกมาคุยเรื่อง ธรรมะในการทำงาน วีรณัฐบอกว่า การทำงานปัจจุบันเป็นงานเผยแพร่ธรรมะ ทั้งมิติเชิงลึก และตื้น แตกต่างกันไป

 “ผมทำงานเผยแพร่ในเชิงลึกมากกว่า เพราะธรรมะเป็นเรื่องเฉพาะตัว เป็นเป้าหมายการทำงานตั้งแต่แรก เหมือนเรามีหน้าบ้านเพื่อคัดกรองคนที่สนใจเข้ามา ส่วนหลังบ้านเป็นคนที่สนใจเรื่องแนวนี้ มารวมกันในลักษณะจิตอาสา เป็นอีกกลุ่มที่ศึกษาธรรมะเชิงลึก ธรรมะของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน  เราขอทำหน้าที่ตรงนั้น เพราะธรรมะในวงกว้าง มีครูบาอาจารย์จำนวนมากแนะนำอยู่แล้ว”

 ธรรมะในเชิงลึก ที่วีรณัฐเล่าให้ฟัง ถูกโยงไปถึงการปฏิบัติของแต่ละคน และเส้นทางปฏิบัติธรรมเพื่อไปสู่การพ้นทุกข์

 “ธรรมะที่แต่ละคนเข้าใจ ก็เป็นเส้นทางของคนคนนั้น เราพร้อมที่พูดคุยช่วยเหลือกัน ผมคิดว่า แง่คิดในธรรมน่าจะมีประโยชน์ในการใช้ชีวิต จากประสบการณ์ที่เห็นความทุกข์ของคนที่เข้ามาหลากหลายมาก ที่นี่จึงเป็นลักษณะเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เราแค่แนะนำแผนที่ในการเดินทางของชีวิต”

 แม้กระทั่งคนทำงานจิตอาสา ก็ต้องฝึกดูใจตัวเองก่อนว่า พร้อมสำหรับงานเพื่อสาธารณประโยชน์หรือไม่

 เรื่องนี้ วีรณัฐบอกว่า ก่อนจะช่วยเหลือคนอื่น ต้องดูใจตัวเองอยู่เรื่อยๆ ว่า สิ่งที่ทำเพื่อคนอื่น ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ หรือครอบครัวเดือดร้อนไหม

 “เพราะงานจิตอาสาในทางธรรมมีคุณค่า บางคนไม่ทันสังเกตใจตัวเอง พอมีโอกาสทำเพื่อคนอื่น ทำให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่า ก็จมอยู่กับงาน ถ้าพื้นฐานการปฏิบัติไม่เข้มแข็ง อาจมีปัญหา การทำงานเพื่อประโยชน์ตนก็จะน้อยลงเรื่อยๆ ในที่สุดคนทำก็จะหมดแรง หรือทำเหมือนไฟไหม้ฟาง ปัญหาที่เราเจอ คือ ต้องเตือนคนที่ทำงานจิตอาสาว่า งานหลัก คือ การปฏิบัติเพื่อให้ตัวเองพ้นทุกข์“

 ในบ้านอารีย์ จึงต้องมีธรรมนูญการอยู่ร่วมกัน ข้อแรกบัญญัติไว้ว่า...รวมกันเพื่อทำตัวเองให้รอดก่อน เป็นหลักการสำคัญที่สุด เมื่ออยู่ในสภาวะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน จึงทำงานที่เรียกว่า ถนอมธาตุขันธ์ กับรักษาปณิธานของครูบาอาจารย์ จากนั้น ทำงานขั้นต่อไป คือ งานสาธารณประโยชน์

 ส่วนลักษณะการบริหารจัดการบ้านอารีย์ เป็นไปตามธรรมะจัดสรร งานใดมีประโยชน์ และเห็นว่า มีคุณค่า ก็ช่วยกันทำ วีรณัฐบอกว่า ไม่จำเป็นต้องอิงทฤษฎีการบริหารใดๆ เป็นไปตามครรลองทางธรรม ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ตามเหตุและปัจจัย เมื่อมีความพร้อมก็ทำ ไม่มีความพร้อมก็ไม่ทำ

 “องค์กรของเราไม่มีการวางเป้าหมายเหมือนธุรกิจ เพราะคนมาที่นี่ด้วยจิตวิญญาณ ที่อยากช่วย  ไม่ได้เข้ามาด้วยความคาดหวัง สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาหวังได้ คือ หวังจะทำให้ตัวเองพ้นทุกข์ นี่คืองานแรก และงานเดียว งานอื่นๆ เป็นแค่งานเสริม ก่อนจะช่วยเหลือคนอื่นให้พ้นทุกข์ ต้องขัดเกลาตัวเองให้ได้ก่อน”

 วีรณัฐ บอกถึงแนวทางการทำงาน ซึ่งต่างจากที่อื่น เพราะงานยิ่งใหญ่ของมนุษย์ คือ การพัฒนาตัวเอง

 “เรายินดีเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง เพื่อพ้นทุกข์ไปด้วยกัน สำหรับคนที่เข้ามาเป็นจิตอาสา ถ้ามีอะไรให้ทำ เขายินดีทำ เราไม่ได้ดึงทีมอาสาเข้ามาทำงานตรงนี้ แต่เราต้องการให้เขาทำงานกับใจตัวเอง  อาจเข้ามาศึกษา เดินจงกรม ปฏิบัติธรรม ถ้าไม่พร้อมที่จะช่วย อยากปฏิบัติอย่างเดียว เราพร้อมจะอนุโมทนา พอปฏิบัติแล้วอยากช่วย ก็ยินดี บางคนเป็นหมอมาปฏิบัติ พอมีกรณีพระสงฆ์ที่ป่วยวัดนั้นวัดนี้ ก็มาช่วยกันดูแลคนป่วย”

 ไม่ว่าจิตอาสาด้านใดก็ตาม วีรณัฐย้ำว่า ต้องไม่หลงไปกับกิเลส ไม่ติดทั้งเรื่องดีและไม่ดี

 “งานตรงนี้ จึงไม่ใช่แค่การเผยแผ่ธรรมะ แต่ใช้ธรรมะเข้าไปอยู่ในใจคน” 

 แม้ในสังคมจะมีวัดและครูบาอาจารย์จำนวนมาก ในการเผยแผ่ธรรม แต่วีรณัฐเห็นว่า ต้องใช้ธรรมะหลากหลายแนวทางในการเข้าถึงคน

 “คุณคิดว่า มีธรรมะสำหรับคนคิดมาก มากน้อยแค่ไหน สมัยก่อน เรามีสถานที่เป็นธรรมชาติ  เหมาะกับการปฏิบัติ มีความสงบ แต่ปัจจุบันต้องมีธรรมะสำหรับคนที่ทำความสงบไม่ได้ และคนคิดมาก”

 ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ถูกมองว่า การเผยแผ่ธรรมต้องให้เหมาะกับคนที่แสวงหา บ้านอารีย์จึงเป็นทางเลือกสำหรับคนปฏิบัติธรรม เพราะคนสมัยนี้ ไม่ค่อยมีความพร้อม ทั้งเรื่องส่วนตัวและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปฏิบัติ

 “สมัยนี้ มีแต่ความวุ่นวาย แล้วจะให้ใจสงบพร้อมจะเรียนรู้ธรรมะขั้นสูงได้อย่างไร นั่นเป็นเรื่องยาก จึงต้องใช้ปัญญานำสมาธิ จริงๆ มีสอนตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แต่อาจไม่มีการนำมาเผยแผ่”

 เพื่อทำให้คนเข้าใจธรรมะขั้นสูง คือ การพ้นทุกข์ ซึ่งเป็นงานหลักที่วีรณัฐย้ำตลอดการสนทนา และการทำงานที่นี่ไม่ต้องมีเป้าหมายใดๆ เพราะทุกคนทำงานกับใจตัวเอง 

กิจกรรมบ้านอารีย์

 - ทุกวันอังคารแรกของเดือน รายการวันอังคารที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๒  เวลา ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น. ถาม-ตอบบุญกรรม ธรรมแท้ จากพุทธโอษฐ์ โดย พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล วัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี

 - กิจกรรมทุกวันพุธ เวลา ๑๓.๐๐-๑๗.๐๐ น. แนะนำการเจริญสติ แนว หลวงพ่อเทียน โดยวิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์โกศิล ปริปุณฺโณ วัดปลายนา หรือ พระอาจารย์โสภณ ฉนฺทธมฺโม มูลนิธิหลวงพ่อเทียน

 - กิจกรรมทุกวันพฤหัสบดี เวลา ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น. สวดมนต์และสนทนาธรรม โดย หลวงพ่อวิวัฒน์ ธมฺมวฑฺโฒ วัดโสมนัสราชวรวิหาร

 - กิจกรรมทุกวันเสาร์ เวลา ๑๓.๑๕-๑๕.๔๕ น. เสวนาธรรม การปฏิบัติภาวนาตามแนวดูจิตนำ โดย อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา และ หมอณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์

 - กิจกรรมทุกวันอาทิตย์ที่สองของเดือน เด็กไทย ใจอารี ครั้งต่อไปวันอาทิตย์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๒

 ติดต่อ มูลนิธิบ้านอารีย์ โทร.๐-๒๒๗๙-๗๘๓๘ หรือที่ www.baanaree.net 

เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ