น้ำด่าง-น้ำกรดสวนล้างช่องคลอดไม่ช่วยป้องกันตั้งครรภ์

      จากที่ละครรากนครา ที่ออกอากาศทางช่อง 3 ซึ่งเพิ่งจะอวสานไปนั้น มีฉากหนึ่งเจ้ามิ่งหล้าถูกมักขึงให้นอนบนเตียง และเข้าใจว่าข้ารับใช้ของราชินีเมืองมัณฑ์นำน้ำด่างมาลาดใส่ช่องคลองของเจ้ามิ่งหล้า เพื่อไม่ให้ตั้งครรภ์นั้น       

       พญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์ รพ.พิจิตร กล่าวว่า การมีลูกเกิดเมื่ออสุจิผสมกับไข่ เรียกว่าการปฏิสนธิ โดยฝ่ายหญิงต้องมีไข่ตกและฝ่ายชายตัวอสุจิต้องแข็งแรง ซึ่งใน 1 เดือน ไข่ตกได้แค่ 24 ชั่วโมง เท่ากับว่ามีโอกาสท้อง 1 วัน ใน 1 เดือน เฉพาะวันที่ไข่ตกเท่านั้น แต่อสุจิที่เข้าไปสู่ร่างกายผู้หญิงจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน 3 วัน ดังนั้น ถ้ามีเพศสัมพันธ์ก่อนไข่ตก 3 วันก็มีโอกาสท้องได้ ทั้งนี้ อสุจิไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย จะมีน้ำอสุจิสร้างโดยต่อมลูกหมาก เป็นแหล่งอาหารอสุจิ และน้ำอสุจิจะมีความเป็นด่าง หากสังเกตจะมีสีข้นและมีกลิ่นของความเป็นด่างเฉพาะตัว ขณะที่ช่องคลอดผู้หญิงจะมีความเป็นกรด อสุจิจึงป้องกันไม่ให้ถูกกรดทำลาย โดยการเข้าไปกับน้ำอสุจิ สรุปว่าอสุจิชอบความเป็นด่างไม่ได้ชอบความเป็นกรด

      “การเอาน้ำด่างไปล้างช่องคลอดแล้วทำให้ไม่ท้องนั้นเป็นความเชื่อโบราณ แต่ความจริงแล้วความเชื่อโบราณจะใช้น้ำกรด โดยมีการใช้น้ำมะนาวล้าง หรือบางคนอาจจะคิดว่าเอาน้ำอัดลม น้ำโซดาไปล้าง ซึ่งจากการวิจัยก็พบว่าเมื่อนำตัวอสุจิที่อยู่ในน้ำอสุจิมาหยอดน้ำมะนาวลงไป พบว่าตัวอสุจิจะตายจริงๆ แต่เวลาอสุจิเข้าไปในร่างกายมนุษย์แล้วจะวิ่งเร็วมาก เพราะฉะนั้นล้างไม่ทัน สรุปว่าการสวนล้างช่องคลอด ไม่ว่าจะสวนล้างด้วยน้ำอะไรก็ตามไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ความเป็นกรดเป็นด่างไม่มีผล เพราะอสุจิเข้ามาพร้อมอาวุธป้องกันตัวเอง คือน้ำอสุจิที่มีความเป็นด่างพร้อมกับอาหาร”พญ.ชัญวลีกล่าว 

    พญ.ชัญวลี กล่าวอีกว่า วิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ คือ การป้องกันการไม่ให้อสุจิไปผสมกับไข่ ได้แก่ 1. ป้องกันไม่ให้ไข่ตก เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนต่างๆ 2.ใช้เครื่องป้องกัน เช่น ถุงยางอนามัย หมวกสวมปากมดลูก 3.การไม่ทำให้ฝังตัวคือเมื่อไข่ผสมกับอสุจิภายใน 1 สัปดาห์จะเดินทางไปฝังตัวที่มดลูก การป้องกันฝังตัวคือการใส่ห่วงอนามัย ซึ่งห่วงจะมีทองแดงสารที่เป็นพิษต่อตัวอ่อนของสัตว์ ทำให้ฝังตัวไม่ได้

    "สรุปการป้องกันการตั้งครรภ์โดยการอาบน้ำด่าง ล้างน้ำด่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์แล้วเอาอะไรใส่เข้าไปในช่องคลอด ไม่ได้ช่วยอะไร แต่มีอีกวิธีหลังมีเพศสัมพันธ์แล้วอยู่ระหว่างรอให้ประจำเดือนมานั้น อาจจะใช้การดูดผนังมดลูกออกมาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการฝังตัว ซึ่งวิธีนี้ไม่ได้เรียกว่าเป็นการทำแท้ง เพราะไม่มีการฝังตัว ไม่มีตัวอ่อน ไม่ผิดกฎหมาย"พญ.ชัญวลีกล่าว