เยาวชนไทย ...กับหัวใจวงขับร้องประสานเสียง | คมชัดลึก

      จากเด็กผู้ชายธรรมดาๆ คนนึง ที่มีความฝันและมีหัวใจรักดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งวันนึงได้ค้นพบว่าหัวใจของตนเองคือเพลงประสานเสียง จึงมุ่งมั่นเรียนรู้และเดินไปตามหัวใจเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ฝันไว้ 
      ภาธร สวัสดิสุข หรือจ้า นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาดนตรีศึกษา ภาควิชาศิลปะดนตรีและนาฏศิลป์ศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เยาวชนไทยคนเดียวที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมคณะ World Youth Choir 2017 (WYC) หรือคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนโลกในปีนี้ หลังจากคนแรกของประเทศไทยที่เคยได้เข้าร่วมเมื่อปี 2003 คืออาจารย์กิตตินันท์ ชินสำราญ (กิต เดอะว้อยซ์) WYC เป็นโครงการที่จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยคัดเลือกนักร้องประสานเสียงจากทั่วโลกมาซ้อมรวมกันและทัวร์คอนเสิร์ตในระยะเวลา 20 วัน 5 ประเทศ ได้แก่ ฮังการี เซอร์เบีย บอสเนียและเฮเซอร์โกวีนา โครเอเชีย และสโลวีเนีย โดยในปีนี้มีสมาชิกทั้งหมด 58 คน จาก 33 ประเทศ ควบคุมวงโดย Zoltán Pad จากประเทศฮังการี และ Ken Wakia จากประเทศเคนยา

       

      ภาธร เล่าให้เราฟังว่า WYC คือการ make music กับคนจากหลายประเทศ และหลากหลายวัฒนธรรม โดยมีข้อความของสันติภาพส่งไปสู่ผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต การฝึกซ้อม และทัวร์คอนเสิร์ตของพวกเรา ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องวิเศษมากที่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้ มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่วิเศษที่สุดครั้งนึง ทำให้ได้เจอกับเพื่อนๆ ที่มี passion เดียวกันที่รักในการร้องประสานเสียงเหมือนกัน ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและดนตรีร่วมกัน และที่สำคัญคือการสร้างสังคมโลกที่ปราศจากความขัดแย้งและการดูถูกเหยียดหยามทางวัฒนธรรม สีผิว หรือความคิด เพราะทุกคนเคารพในความต่างและร่วมมือกันสร้างดนตรีที่ยิ่งใหญ่ออกไปสู่มนุษยชาติ
    ภาธร เติบโตบนเส้นทางสายดนตรีทั้งทางตรงและทางอ้อม มีความชอบและผูกพันกับดนตรี เพราะอยู่กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่เกี่ยวกับดนตรีมาโดยตลอด คุณพ่อและคุณแม่เล่นดนตรีเป็นงานอดิเรก พี่สาวซึ่งห่างกันถึง 7 ปีเป็นนักร้องประสานเสียงระดับประถมของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย คุณพ่อและคุณแม่ต้องไปรับไปส่งในการซ้อมและไปดูการแสดงตลอด  ซึ่งภาธรก็จะตามไปด้วย จึงเหมือนค่อยๆ เริ่มซึมซับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนอยู่ป.3 อายุ 8 ปี ได้มีโอกาสเข้าร่วมร้องเพลงประสานเสียงครั้งแรกในคณะซาวีโอคอรัสของโรงเรียนเซนต์ดอมินิก ตอนนั้นรู้สึกชอบ จึงเกิดเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาเจตคติที่มีต่อการร้องเพลง พออายุ 15 ปี ได้ร่วมร้องในคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย (Thai Youth Choir : TYC) ในปี 2555 และ 2557 ภายใต้การนำของ อ. ศรินทร์ จินตเสรี (2555)และ อ. อธิชัย ตระกูลเดช (2557) ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่ได้ก้าวสู่การร้องเพลงประสานเสียง และได้เริ่มเรียนรู้มากขึ้น จนเกิดความรักในดนตรีประสานเสียงและจนกลายมาเป็นความหลงใหลในเวลาต่อมา และทำให้เบนสายการเรียนมาสอบเข้าสาขาวิชาดนตรีศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

    ภาธรเล่าให้ฟังต่อว่า ตอนเริ่มร้องประสานเสียงจนถึงม.6 ไม่เคยเข้าใจดนตรีเลยนะครับ อ่านโน้ตก็ไม่คล่อง (หัวเราะ) พอช่วงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เริ่มเห็นความงดงามของมัน ผมเลยเอาจริงเอาจัง ตั้งใจศึกษาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จนกระทั่งสอบติดมหาวิทยาลัยในสายที่เราเลือก เมื่อความเข้าใจในดนตรีมากขึ้นก็ทำให้ทักษะการร้องประสานเสียงพัฒนาขึ้นตามความเข้าใจ ทำให้ได้เข้าไปอยู่ในวง The Bangkok Voices ซึ่งเป็นวงที่มีความสามารถมากๆ ควบคุมวงโดย นายแพทย์กิตติพร ตันตระรุ่งโรจน์ ผู้ใหญ่ในวงการประสานเสียงไทย และก็ได้เปิดโอกาสให้ได้เดินทางไปแสดงในต่างประเทศหลายครั้ง ความรู้และประสบการณ์ทางการร้องประสานเสียงของตัวเองก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับก็ได้เข้าร่วม Chulalongkorn University Concert Choir ควบคุมวงโดย อ.ดร. ภาวศุทธิ์ พิริยะพงษ์รัตน์ ทำให้ได้ความรู้และมุมมองทางด้านประสานเสียงอีกมากมายทั้งจากอาจารย์ชาวไทยและวิทยากรต่างประเทศ
       การร้องประสานเสียง คือการร้องโดยใช้หรือไม่ใช้เครื่องดนตรีประกอบก็ได้ มี 4 เสียงประสานกัน แบ่งเป็น โซปราโน (Soprano) เป็นระดับเสียงสูงสุดของผู้หญิง อัลโต (Alto) เป็นระดับเสียงต่ำของผู้หญิง เทเนอร์ (Tenor) เป็นระดับเสียงสูงสุดของผู้ชาย และเบส (Bass) เป็นระดับเสียงต่ำของผู้ชาย  

        “สำหรับผมร้องในเสียงเทเนอร์ เสียงสูงสุดของผู้ชาย ซึ่งการร้องประสานเสียงจะไม่ได้เหมือนร้องหมู่ที่มีแค่ทำนองเดียวแล้วร้องพร้อมกัน แต่จะมี 4 แนว และแต่ละแนวจะมีหน้าที่และเสียงร้องแตกต่างกัน แต่จะประสานกันเป็นบทเพลงที่สวยงาม ซึ่งตรงนี้แหล่ะที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรักการร้องประสานเสียงมากๆ และการขับร้องประสานเสียงมี 2 หัวใจหลักๆ คือเรื่อง music กับเรื่อง community เพราะมันไม่ใช่แค่การมาร้องรวมกันเพื่อให้ได้เพลงออกมาดี แต่มันคือการที่สมาชิกในวงมีความสุข ลบความเป็นตัวเองออกไปรวมเป็นเสียงเดียวกัน เป็นดนตรีที่ยิ่งใหญ่ได้ การร้องประสานเสียงจะทำให้เราเห็นดนตรีมากขึ้น สัมผัสและซึมซับความงามมากขึ้น และจะทำใหเรามีพัฒนาการทางสังคมที่เด่นชัดมากขึ้น เราจะทำงานกับคนอื่นได้ดีขึ้น จะยอมรับผู้อื่นมากขึ้น ซึ่งคิดว่าตรงนี้เป็นทักษะที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ควรมี คือการก้าวผ่านพรมแดนเพศ ความคิด วัฒนธรรม การยอมรับความแตกต่าง ความเป็นพลเมืองโลก ความเป็น citizen of the world ที่จะทำให้เกิดสันติภาพแก่มนุษยชาติในที่สุด”
        แน่นอนว่าเส้นทางกว่าจะมาถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ภาธรยอมรับว่า เคยมีความท้อแท้ และถามตัวเองบ่อยๆ ว่า ทำทำไม ทำแล้วได้อะไร ทำไมต้องมีอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะการถูกปิดโอกาสหลายครั้งจากความเป็นเด็กที่ชั่วโมงบินยังน้อย แต่สิ่งที่ทำให้ผ่านเรื่องพวกนั้นมาได้ก็คือหัวใจที่รักในดนตรี ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เดินหน้าต่อไปได้ ผมคิดเสมอว่า จงทำเมื่อมีโอกาสทำเสมอ อย่าให้คำพูดของใครมาทำลายความตั้งใจและ passion ของเราได้ เพราะถ้าเรารักมันจริงๆ ไม่ว่ายังไงก็จะทำต่อไป ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ลำบากแค่ไหน พยายามและวิ่งใส่มันเสมอ

   

       ปัจจุบัน "ภาธร" เป็นสมาชิกของคณะนักร้องประสานเสียง The Bangkok Voices และ Chulalongkorn University Concert Choir และได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมวง World Youth Choir 2017 ซึ่งเป็นวงเยาวชนที่คัดสมาชิกมาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลแห่งความพากเพียรของภาธร ที่มุ่งมั่นทำในสิ่งที่รักจนประสบความสำเร็จ และยังคงเดินตามหัวใจเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายที่สูงกว่านี้ต่อไป นอกจากนี้ภาธรยังได้ก่อตั้งคณะนักร้องประสานเสียง The  VivaVoce ขึ้นเมื่อปี 2558 และในปีต่อมาได้พาคณะฯ ไปคว้า 1 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดงในการแข่งขัน Pattaya Grand Prix International Choir Festival 2016 ซึ่งจัดโดยองค์กร Festa Musicale สาธารณรัฐเชค 
      รู้ว่ารักอะไร เป็นได้แค่จุดตั้งต้น....ความจริงจังที่จะก้าวต่อไป คือขั้นที่ท้าทายที่สุด เพราะเส้นทางสู่สิ่งที่รัก ไม่มีอะไรง่าย ถ้าไม่มุ่งมั่นที่จะทำ ก็ไม่มีวันสำเร็จ