ไลฟ์สไตล์

เส้นทางสายผ้า "ลาวครั่ง-ลาวเวียง"

เส้นทางสายผ้า "ลาวครั่ง-ลาวเวียง"

17 ก.ย. 2560

 ‘ชัยนาท’ สร้างเส้นทางสายผ้า อารยธรรม‘ลาวครั่ง-ลาวเวียง’  พอช.ปลุกวัฒนธรรมมีชีวิต บูมเศรษฐกิจท่องเที่ยวชุมชน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ชาวบ้านและชุมชนได้ประโยชน์

      เฉพาะปี 2559 เพียงปีเดียว ประเทศไทยโกยรายได้จากการท่องเที่ยวมากถึง 2.52 ล้านล้านบาท แต่ข้อเท็จจริงประการหนึ่งก็คือเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเหล่านั้น แลกมาด้วยความเสื่อมโทรมของธรรมชาติ และ ทรัพยากรที่ไม่อาจประเมินค่า นั่นหมายความว่า การจัดการท่องเที่ยวในนิยามเดิมๆ ไม่สามารถตอบโจทย์ ‘ความยั่งยืน’ ได้อีกต่อไป การจัดการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ จึงถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ 

     “การท่องเที่ยวโดยชุมชน” หนึ่งในกระบวนการสำคัญที่ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. พัฒนาและจัดการอย่างครบวงจร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ชาวบ้านและชุมชนได้ประโยชน์อย่างยั่งยืน 

เส้นทางสายผ้า \"ลาวครั่ง-ลาวเวียง\"

      การท่องเที่ยวโดยชุมชนคืออะไร? แตกต่างไปจากการท่องเที่ยวในรูปแบบเดิมๆ อย่างไร มีคำอธิบายจาก ดร.อนุรักษ์ เรืองรอบ ผู้จัดการสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสัมมาชีพชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานจำนวนมากไม่เข้าใจเรื่องการท่องเที่ยวโดยชุมชน จึงมักเห็นการใช้งบประมาณและการประชาสัมพันธ์เข้าไปยังชุมชนหรือพื้นที่ๆ มีศักยภาพ จากนั้นระยะหนึ่งหน่วยงานเหล่านั้นก็ถอนตัวออกไป ปัญหาก็คือชุมชนเกิดคำถามต่อว่า แล้วนักท่องเที่ยวที่เคยมาอยู่ไหนล่ะ หรือชุมชนจะต้องทำอะไรกันต่อไป 

เส้นทางสายผ้า \"ลาวครั่ง-ลาวเวียง\"

ดร.อนุรักษ์ เรืองรอบ

      ที่ผ่านมามีแต่การเอางบฯ เข้าไประเบิดแล้วก็ถอนตัวออกมา พี่น้องก็อารมณ์ค้างและไปต่อไม่ได้” ดร.อนุรักษ์กล่าว และอธิบายต่อว่า จริงๆ แล้วหัวใจสำคัญของการจัดการท่องเที่ยว คือต้องทำให้ชุมชนเข้าใจเรื่องกระบวนการจัดการและสามารถเชื่อมโยงกับตลาดได้ 

      “เราต้องลงไปคุยกับพี่น้องเพื่อให้พี่น้องลุกขึ้นมาจัดกลไกการท่องเที่ยวโดยชุมชนเอง ต้องช่วยกันหา อัตลักษณ์ ทั้งวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ต้องช่วยกันคิดว่าจะขายอะไร จะไปขายจุดไหน แล้วจะทำให้ถึงเป้าหมายอย่างไร จากนั้นเมื่อมีความชัดเจน ก็ดึงภาคีที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วม โดยมีเป้าหมายคือเชื่อมโยงกับตลาดให้ได้” ผู้จัดการสำนักพัฒนาเศรษฐกิจฯ พอช.ให้ภาพที่ชัดเจน พร้อมระบุว่า ในปี 2559 พอช.ได้สร้างกระบวนการแล้วถึง 259 ชุมชน 

        ความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่กระจายตัว และเบ่งบานอยู่ทั่วทุกชุมชนในประเทศไทย คือความงดงามและมนต์เสน่ห์ที่หลบซ่อนยู่เพื่อรอการค้นพบ...อัตลักษณ์ของท้องถิ่นอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา ความเชื่อ ผลิตภัณฑ์ แหล่งท่องเที่ยว ล้วนเป็นต้นทุนดั้งเดิม ที่จะนำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชนจากเศรษฐกิจฐานราก 

เส้นทางสายผ้า \"ลาวครั่ง-ลาวเวียง\"

       หนึ่งในพื้นที่ๆ กำลังก่อรูปไปสู่การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนคือ ชุมชนลาวครั่ง ต.กุดจอก จ.ชัยนาท ซึ่งมีความเป็นมาอันยาวนาน อดีตเป็นชาวลาวอพยพหนีภัยสงครามมาตั้งแต่ช่วงต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยชุมชนแห่งนี้ มีเป้าหมายร่วมกันคือต้องการสืบสานวัฒนธรรมชาวลาวครั่งให้คนรุ่นหลังและคนนอกพื้นที่ได้รู้จัก ทั้ง ภาษาพูด ดนตรีพื้นเมือง เครื่องแต่งกาย ผ้าขิด ผ้าจก ผ้ามัดหมี่ ประเพณีสงกรานต์ เครื่องจักสานไม้ไผ่ ความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ฯลฯ 

        อีกหนึ่งชุมชนที่น่าสนใจก็คือ ชุมชนลาวเวียง ต.เนินขาม จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นกลุ่มลาวอพยพเช่นกัน แต่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป แม้ทุกวันนี้ชุมชนเปลี่ยนแปลงไปมาก อัตลักษณ์ท้องถิ่นสูญหาย คนที่ผ่านไปมาไม่มีทางทราบได้ว่า พื้นที่แห่งนี้คือแหล่งอารยธรรมสำคัญ ชุมชนจึงมีความคิดที่จะกลับไปยังรากเหง้า คือเริ่มต้นจากการช่วยกันปลูกต้นมะขาม ขณะเดียวกันก็ดึงจุดเด่นของชุมชน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อจกหม้อ ผ้าขาวม้า 5 สี ผ้าซิ่นตีนจก อาหารพื้นเมือง ประเพณีโบราณ ขึ้นมาเป็นจุดขาย มีความเป็นไปได้ว่า จ.ชัยนาท จะเชื่อมต่อการท่องเที่ยวโดยชุมชนของ 2 ตำบล ก่อกำเนิดเป็น “เส้นทางสายผ้า” อารยธรรมและมรดกการถักทอที่สวยงาม 

เส้นทางสายผ้า \"ลาวครั่ง-ลาวเวียง\"

       นิธิ สืบพงษ์สังข์ เลขานุการสมาคมไทยท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ชี้ประเด็นว่า จุดขายของการท่องเที่ยวโดยชุมชนคือความเรียบง่าย ความเป็นวิถีดั้งดิมที่ยังคงอยู่ ฉะนั้นต้องเริ่มจากการสร้างกระแสให้ชุมชนหลงรักตัวเองก่อน รักสิ่งที่ตัวเองมี จากนั้นนักท่องเที่ยวก็จะเข้ามาหลงรักชุมชนเอง 

เส้นทางสายผ้า \"ลาวครั่ง-ลาวเวียง\"

      “อย่างลักษณะของ นักท่องเที่ยวยุโรป เขาชอบประสบการณ์ ชอบลงมือทำ ไม่ได้ชอบมาถ่ายรูปแล้วไป เมื่อดูบ้านกุดจอก ที่มีความโดดเด่นเรื่องการทอผ้า ก็เป็นไปได้ที่จะออกแบบให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางสายผ้า ขณะเดียวกันชัยนาทเป็นต้นของแม่น้ำน้อยลงแม่น้ำท่าจีน ก็อาจจะเล่นเรื่องวัฒนธรรมสายน้ำควบคู่ไปด้วย” นักจัดการท่องเที่ยวรายนี้ ยกตัวอย่าง 

       เขา ย้ำว่า ประเด็นคือต้องหาให้เจอว่าอะไรที่พื้นที่ของเรามีเพียงที่เดียวในประเทศ นักท่องเที่ยวต้องมาที่นี่เท่านั้น ไม่ใช่เพียงอาหารอร่อยเพราะที่อื่นก็อร่อย ไม่ใช่แค่มีผ้าทอ เพราะที่อื่นก็มีผ้าทอ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องขายอารมณ์ให้นักท่องเที่ยวให้ได้ 

       เบญจพล เปรมปรีดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท มั่นใจว่า จ.ชัยนาท มีของดีจำนวนมาก แต่คนอื่นอาจไม่รู้ ฉะนั้นต้องสร้างตัวของเราไปให้คนอื่นได้รับรู้ สิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ก็คือช่วยกันนำสิ่งที่มีอยู่ไปนำเสนอในช่องทางที่ทันสมัย และเผยแพร่ไปได้ทั่วโลก สำหรับการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนนั้น แนวทางของ จ.ชัยนาท คือต้องเอาชุมชนและประชาชนเป็นตัวตั้ง ประโยชน์ต้องตกอยู่ที่ประชาชนภายใต้กระบวนการการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ 

        ทั้งหมดคือความสำคัญและแนวทางการสร้างวัฒนธรรมให้มีชีวิต เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยใช้การท่องเที่ยวโดยชุมชน และเพื่อชุมชนนั่นเอง