
กทม.รณรงค์ฉีดวัคซีนเอชพีวีป้องกันมะเร็งปากมดลูกแก่นักเรียน
กทม.รณรงค์ฉีดวัคซีนเอชพีวีป้องกันมะเร็งปากมดลูกแก่นักเรียน
นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดงานครบรอบ 3 ปี แห่งความสำเร็จในการรณรงค์ฉีดวัคซีนเอชพีวีแก่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภายใต้ชื่อ “Sustainable Success of BMA 3rd Year HPV Vaccination” ณ โรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยระบุว่ากรุงเทพมหานครห่วงใย ตระหนัก และเห็นความสำคัญในการป้องกัน เฝ้าระวังโรคตามนโยบายของ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง โดยเฉพาะการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ปีละ 9,999 ราย ซึ่งประเทศไทยมีสตรีเสียชีวิตจากโรคนี้เฉลี่ยวันละ 14 คน และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเฉลี่ย 50,000 บาทต่อคน โดยโรคมะเร็งปากมดลูก ทั้งนี้จากการศึกษายืนยันว่าการฉีดวัคซีนเอชพีให้แก่เด็กในช่วงอายุ 10-12 ปี มีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกอย่างสูงสุด
ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การให้บริการวัคซีนป้องกันเอชพีวีในนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ส่งผลให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครแห่งความปลอดภัยของทุกคน ประชาชนมีสุขภาพที่ดี มีภาวะการเจ็บป่วยและการตายด้วยโรคที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงและโรคที่ป้องกันได้ลดลง กิจกรรมประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูก การแสดงของนักเรียนโรงเรียนวิชูทิศ การสัมภาษณ์ความคิดเห็นของดาราในประเด็น “ห่วงใยใส่ใจ...ป้องกันภัยมะเร็งปากมดลูก” โดยมีผู้ร่วมงานจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ตลอดจนประชาชนและผู้สนใจจำนวนรวมทั้งสิ้น 250 คน
ด้านนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในหญิงไทยที่รองจากมะเร็งเต้านม จัดระบบเฝ้าระวังโรคมะเร็งของประเทศไทยพบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ประมาณ 6,500 รายต่อปี และมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกประมาณ 2,000 รายต่อปี โรคนี้ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์แต่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส human papillomavirus หรือเชื้อ HPV ชนิดที่ก่อมะเร็งแบบฝังแน่นซึ่งปัจจุบันเราพบว่ามีอย่างน้อยถึง 15 สายพันธุ์ ทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก และกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด ซึ่งสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สายพันธุ์ที่ 16, 18, 31, 33, 35, 39 และ 45 นั้น ในประเทศไทยเราพบสายพันธุ์ที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งปากมดลูกมากที่สุดเช่นเดียวกับในภาพรวมของโลกก็คือ สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 ซึ่ง 2 สายพันธุ์นี้เกี่ยวเนื่องถึงประมาณร้อยละ 73.8 จากการศึกษาถึงประโยชน์และความคุ้มค่าของการใช้วัคซีน HPV ซึ่งมีหลายการศึกษาได้ยืนยันแล้วว่า การฉีดวัคซีน HPV ให้กับเด็กผู้หญิงในช่วงอายุ 10 – 12 ปี จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้อย่างสูงสุด
นางวันทนีย์กล่าวว่ากรุงเทพมหานครโดยสำนักอนามัยได้เล็งเห็นความสำคัญในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกจึงได้จัดทำโครงการให้บริการฉีดวัคซีน HPV ในโรงเรียนขึ้นเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคมะเร็งปากมดลูกให้กับนักเรียนหญิงในชั้นประถมปีที่ 5 ของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ดำเนินการครั้งแรกในปีการศึกษา 2558 และดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีอัตราการครอบคลุมการให้วัคซีน HPV ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 96 – 98 ซึ่งในปีนี้ทางสำนักอนามัยได้ดำเนินการให้บริการฉีดวัคซีน HPV ให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในสังกัดของกรุงเทพมหานครเป็นปีที่ 3 ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ดำเนินโครงการขยายการให้บริการวัคซีน HPV ในแผนงานส่งเสริมภูมิคุ้มกันโรค พ.ศ.2560 แก่นักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร สำนักอนามัยจะเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนและทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้สนับสนุนวัคซีนสำหรับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดอื่นๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการสำนักอนามัยจึงได้จัดกิจกรรมครบรอบ 3 ปีแห่งความสำเร็จของกรุงเทพมหานครในการรณรงค์ฉีดวัคซีน HPV แก่เด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในชื่อ Sustainable Success of BMA 3rd Year HPV Vaccination
ทั้งนี้สำนักอนามัย โดยนายแพทย์ชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักอนามัยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว จึงได้ดำเนินการมอบหมายให้ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่งให้บริการวัคซีนเอชพีวีแก่เด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 3 โดยมีอัตราความครอบคลุมการให้วัคซีนเอชพีวีอยู่ที่ร้อยละ 96 - 98 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ดำเนินโครงการขยายการให้บริการวัคซีนเอชพีวีในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค พ.ศ. 2560 แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สำนักอนามันจะเป็นผู้จัดหาวัคซีนสำหรับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้สนับสนุนวัคซีนสำหรับนักเรียนในสังกัดอื่นๆ อันจะส่งผลให้สามารถลดอุบัติการณ์อัตราการเสียชีวิตและลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยายาลในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกได้



