ไลฟ์สไตล์

ลิขิตชีวิตคน  “ภูมิ สาระผล”  ค่ำวันนั้น..จะนอนไหน?

ลิขิตชีวิตคน “ภูมิ สาระผล” ค่ำวันนั้น..จะนอนไหน?

22 ส.ค. 2560

ตำแหน่งเสนาบดีเป็นทัั้งโชคและเคราะห์ เมื่อ ภูมิ สาระผล ต้องมารับผลจากโครงการจำนำข้าว จนต้องปิดบ้าน ปิดสำนักงานเพื่อทำใจรับคำพิพากษา!!

               ใครกัน! มาปล่อยข่าวว่า บ้านที่ขอนแก่นของรัฐมนตรีหนึ่งในจำเลยจีทูจี “ภูมิ สาระผล” ปิดเงียบ ไร้เงาเจ้าของบ้าน!!

               แถมมาพูดเอาตอนวันพิพากษาคดีนี้ใกล้เข้ามา ยิ่งน่าคิดว่าทำไปเพื่ออะไร เพราะบางทีคนเราเวลาเครียดๆ ก็ปิดบ้านไปพักผ่อนหย่อนใจกันบ้าง คงไม่เสียหาย

               ไม่เจอเองไม่รู้ว่า การตกเป็นจำเลยคดีใหญ่ๆ อย่างทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่กำลังจะโดนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา ร่วมกันกับ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และพวกรวม 26 คน ในวันที่ 25 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ก็อาจทำให้กินข้าวไม่ลงได้เหมือนกัน

               ก็ตาม หากย้อนไปดูความเคลื่อนไหวล่าสุด ช่วงวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวกับอดีตรัฐมนตรีคู่ใจ “บุญทรง” ก็เพิ่งโผล่ไปที่ศาลปกครอง เพื่อไต่สวนขอทุเลาอายัดทรัพย์ครั้งที่ 3 อยู่หยกๆ!!

               โดยอดีตผู้แทนของคนขอนแก่นยังเพิ่งบอกว่าตนจะไปฟังคำพิพากษาตามวันดังกล่าวอย่างแน่นอน และจะหอบหิ้วเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วย!

               งานนี้เข้าใจว่าจะเลียนแบบคนที่รอดไปแล้วอย่าง สุชาติ เหมือนแก้ว ที่เตรียมกระเป๋ามา 2 ใบ ไม่ขออุทธรณ์ต่อ ในการตัดสินคดีสลายม็อบเหลือง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผานมา ประมาณนั้น!

               แต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักคนขอนแก่นคนนี้กันก่อน!

               ภูมิ สาระผล เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2498 เป็นคนขอนแก่น บิดาคือ “คำดี” มารดาคือ “ไสว” จบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน

               จากนั้นจบปริญญาตรีนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตามมาด้วยปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ และประกาศนียบัตรชั้นสูง สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ “นิด้า”

               ภูมิสมรสกับอรอนงค์ (สกุลเดิม วงศ์ก่อ) อาจารย์ประจำวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น หรือคนบ้านเดียวกัน ทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนอีกต่างหาก ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ภณิดา และภพพล สาระผล

               ก่อนจะเป็นนักการเมือง “ภูมิ” ประกอบอาชีพเป็นทนายความ แต่ที่สุดก็ลงสมัคร ส.ส.ขอนแก่น ได้ครองเก้าอี้ ส.ส.เขต จังหวัดขอนแก่น ถึง 7 สมัย

               และถ้าจะพูดแบบไม่อวยจนเกินไป ครองเก้าอี้ยาวนานขนาดนี้ แถมยังเปลี่ยนมาหลายพรรค แต่คนก็ยังตามมารักไม่จืดจาง ก็ต้องถือว่าเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจโขอยู่!!

               เจาะดูเส้นทางการเมืองของเขา เริ่มจากช่วง 2/2535 เขาเป็น ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 ในนามพรรคพลังธรรม ในสมัยของนายกฯ ชวน 1 จนภายหลังยุบสภาไปในปี 2538

               โดยระหว่างนั้น ส.ส.ภูมิคนนี้ก็ยังมีตำแหน่งต่างๆ เช่น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย

               ต่อมาในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2538 คนไทยได้ บรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ ภูมิก็ยังคงนั่ง ส.ส.ขอนแก่น แถมยังได้นั่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

               ภายหลังย้ายมาสังกัดพรรคความหวังใหม่ ขึ้นแท่นกรรมการบริหารพรรค และยังคงเป็น ส.ส.ขอนแก่น ในรัฐบาล ชวลิต ยงใจยุทธ

               โดยในปี 2539 เขาได้นั่งเก้าอี้ทั้งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกรรมาธิการการสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

               ผ่านมาจนการเลือกตั้งปี 2544 เข้าย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทย และได้เป็น ส.ส.ขอนแก่น เขต 5 พร้อมได้เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (สุวรรณ วลัยเสถียร)

               มาปี 2545 ได้เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้นปี 2546 เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (โภคิน พลกุล)

               จนปีการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548 เขายังคงได้เป็น ส.ส. ขอนแก่น เขต 5 พรรคไทยรักไทย

               แต่หลังเลือกตั้งไม่นาน นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549 เขาก็ยังคงได้นั่งเก้าอี้ ส.ส. ขอนแก่น เขต 5 พรรคไทยรักไทย ดังเดิม

               และก็ตามที่รู้กันว่ายังไปไม่ถึงไหน รัฐบาลทักษิณ ก็จบไปด้วยรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ปี 2550 ภูมิ สาระผล คนนี้ ก็ยังคงได้เป็น ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคพลังประชาชน

               ในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 คนไทยได้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนขอนแก่นก็ยังคงรัก ส.ส.ภูมิ คนนี้ไม่เสื่อมคลาย แถมต่อมายังได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์อีกด้วย

               นัยว่าเวลานั้น ภูมิเป็นส.ส.อาวุโสที่สุด และทำงานหนักเพื่อพรรคมาตลอด ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย จึงได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

               ตำแหน่งเสนาบดีเป็นทัั้งโชคและเคราะห์ เมื่อเขาต้องมารับผลจากโครงการจำนำข้าว เจอ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดพร้อมกับ รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 21 ราย เมื่อ 21 มกราคม 2558 กรณีการทุจริตต่อหน้าที่ในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในโครงการรับจำนำข้าว

               จากคดีความดังกล่าวได้ส่งผลให้เขาถูกสนช. ถอดถอนออกจากตำแหน่ง และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี!!

               ก็เลยอาจเป็นเหตุให้เขาต้องปิดบ้าน ปิดสำนักงาน ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะอยู่กับครอบครัว ช่วยกันแพ็กกระเป๋ามาเอาเคล็ดที่ศาลฎีกา ในวันชี้ะตา อย่างที่ลั่นวาจาไว้นั่นเอง