เพราะ “ตัวตน” ของอดีตนักโทษเปรย์ซอร์ วีระ สมความคิด คือการเคลื่อนไหวตามบทบาทนักสู้เพื่อมวลชน ดังนั้น การท้าชนกับ คสช. ก็คือหน้าที่ของเขาด้วยสินะ โอว์...มายก๊อด!
อีกหนึ่งไม้เบื่อไม้เมากับ คสช. หรือ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นจะเป็นคนนี้เลย วีระ สมความคิด คนที่เคยไปติดคุกเขมรอยู่หลายปี บางคนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร
แต่ขณะที่บางคนถามว่าอ้าว! ทำไมล่ะ ก็ คสช. ช่วยเขาออกมาจากคุกไม่ใช่เหรอ?
อย่างล่าสุด สดๆ ร้อนๆ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ศาลได้ตัดสินยกฟ้องในคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเมื่อปี 2551 ซึ่งเขาก็ร่วมอยู่ในนั้น
เมื่อศาลตัดสินออกมาแบบนั้น วีระก็แสดงออกอย่างชัดเจนในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Veera Somkwamkid” ท่วงทำนอง “ผิดหวังมาก!!”
“มีนักโทษหลายคนที่ติดคุกทั้งที่เขาเป็นแพะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และก็มีคนผิดอีกจำนวนมากที่ศาลยกฟ้อง ทั้งๆ ที่เขาทำความผิดจริงๆ”
จากนั้นพอกระแสข่าวระบุถึงการขู่ฟ่อๆ ของ คสช. ไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาประท้วงคำตัดสิน วีระก็จัดอีกดอกผ่านพื้นที่เดิม คัดลอกมาแต่ที่น่าจะผ่านเซ็นเซอร์ว่า
"คุณอ้างว่าคุณเสี่ยงชีวิตทำรัฐประหารเพื่อชาติ ประชาชนที่รักชาติเขาก็เสี่ยงชีวิตทำเพื่อชาติ” (เหมือนกัน)
ทั้งหมดนี้แม้ว่าทุกคำล้วนแล้วแต่กลั่นมามาจากความนัยของคนที่ต้องเจอคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วทั้งสิ้น! แต่เบื้องหลังถ้อยคำเหล่านั้น ชัดเจนว่าขอชนกับ คสช. เต็มที่!
ส่วนถ้าถามว่าทำไม คงต้องย้อนไปดูไทม์ไลน์ของชีวิตวีระ หลังออกจากคุกเปรย์ซอร์แดนเขมร กันอีกที
กล่าวคือ หลังจากวีระถูกจับไปตั้งแต่ 29 ธันวาคม 2553 หรือในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระทั่งถูกปล่อยตัวเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2557 รวมระยะเวลาที่เขาถูกคุมขัง 3 ปี 6 เดือน 2 วัน หรือรวมแล้ว 1,281 วันนั้น
แต่เมื่อเขาออกมาก็ถือว่าเข้ามาสู่ยุคของรัฐบาลทหารโดย คสช.พอดิบพอดี และเวลานั้นเสียงทุกสายก็แซ่ซ้องกันว่าเป็นการคืนความสุขของ คสช. วีระถึงได้รับอิสรภาพในครั้งนั้น
ความน่าสนใจจึงมาอยู่ที่ว่าเวลานั้นวีระเองก็มีการกล่าวขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตนเองก็คาดไม่ถึงว่าจะได้รับการปล่อยตัวเร็วมาก
แต่ปรากฏว่า การณ์ที่ดูแล้วน่าที่จะแฮปปี้เอนดิ้ง กลับกลายเป็นว่าตลอดมานับจากนั้น วีระกลับมีประเด็นกับ คสช.อยู่เนืองๆ
มุมหนึ่งอาจเป็นเพราะ “ตัวตน” ที่เรารู้จักกันดีว่าเขาคือเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) งานของเขาจึงหนีไม่พ้นการเคลื่อนไหวตามบทบาท
ที่ผ่านมาก็ทำมาแล้วหลายงาน เช่น การเข้าร่วมการชุมนุมขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ช่วงปี 2549 และการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วงปี 2551
จนแม้ไปติดคุกเขมร ก็เพราะการเคลื่อนไหวเรื่องทวงคืนดินแดนไทยรอบปราสาทพระวิหาร จนพอออกมาได้ก็ยังคงเคลื่อนไหวในประเด็นต่างๆ
เราจึงได้เห็นวีระ ชนกับทางการหลายครั้งหลายครา เรียกว่านับแต่กลับบ้านได้ไม่กี่วันเลยทีเดียว
ไล่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 เขาก็ถูกจับกุมขณะกำลังเดินขบวนในกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน จนถูกดำเนินคดีในข้อหาชุมนุมเกิน 5 คน
หลังจากนั้นเขาก็ยังออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ โดยไปยื่นต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ
ที่สุดบางคนถึงกับตั้งข้อสังเกตว่า นับแต่นั้นวีระก็เหมือนตกอยู่ในสถานะที่ถูกจับตาจากทางการแบบกระดิกตัวลำบาก
โดยเฉพาะเมื่อเพราะเขาเกิดบ้าดีเดือดไปแสดงเจตจำนงผ่านเฟซบุ๊กว่าอาจจะไปประท้วงการเดินทางมาเยือนไทยของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ช่วง 18-19 ธันวาคม 2558
เท่านั้นแหละ ผลที่ตามมาคือ เจ้าตัวต้องออกมาโวยวายว่า โดนทหารไปบุกล้อมบ้านพัก บริเวณหมู่บ้านนวธานี รวมทั้งบุกล้อมบ้านภรรยาและแม่ยายใน จ.ลำปาง อีกด้วย!!
ความจริงคืออะไรไม่มีใครเห็นกับตา แต่ที่แน่ๆ การโพสต์ครั้งนั้นของวีระ ทำเอาบิ๊กตู่โกรธจัด จึงจัดชุดใหญ่ด้วยการพูดออกสื่อ แสดงความผิดหวังที่ดำเนินการให้มีการปล่อยตัวเขาออกจากคุกเปรย์ซอร์!
และจุดตอนนั้นเองที่เหมือนวีระขาดผึง! ถึงกับต้องออกมาแฉอีกหลายครั้งว่าเรื่องที่ตนได้รับการปล่อยตัวนั้นไม่เกี่ยวอะไรเลยกับการประสานของบิ๊กตู่แม้แต่น้อย!!
อย่างปีก่อน 2 กรกฎาคม 2559 ก็ยังบอกในเฟซบุ๊กของตนเองว่า การที่ตนพ้นออกจากเรือนจำไม่ใช่ผลงานของรัฐบาล คสช. อย่างที่หลายคนคิด แต่เป็นเพราะตนได้รับการอภัยโทษต่างหาก!
ก็ชัดเจนว่าเป็นการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการพร้อมที่เดินหน้าวิพากษ์ ตรวจสอบรัฐบาลต่อไป
ไล่ตั้งแต่ช่วงตุลาคม 2559 เขาเดินหน้าชน คสช. ถึงสองเรื่อง คือกรณีบุตรชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลางโหม เปิดบริษัทในค่ายทหาร และได้รับงานจากกองทัพภาคที่ 3
พอมาช่วง 15 มีนาคม 2560 แม้ว่าเขาก็เจอหมายจับข้อหากระทำผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังเผยแพร่โพลล์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลผ่านเฟซบุ๊ก แต่หากว่ามีสิ่งที่ี่เขาไม่เห็นด้วยเกิดขึ้น เขาก็ชน!
ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกัมพูชา วีระก็จะไม่ถอย โดยเพิ่งเดินทางไปตรวจสอบบ่อนกาสิโนที่อยู่ใกล้จุดผ่านแดนสายตะกู ว่าก่อสร้างอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน หรือในพื้นที่ของกัมพูชาจริงหรือไม่
แถมระหว่างนั้นก็มักจะโพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆ ของรัฐบาล เช่นเคย เปรียบเทียบโครงการรถไฟความเร็วสูง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าทำไมททารทำรถไฟความเร็วปานกลาง คุณภาพด้อยกว่า แต่กลับไม่มีการตั้งคำถามกันเลย
มาหนล่าสุดนี้ วีระก็ยังคงเป็นคนเดิมที่จะไม่ยอมหยุดง่ายๆ กับเรื่องคำตัดสินคดีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ 7 ตุลาคม 2551 ที่เขาบอกเลย “รับไม่ได้!!”
เขาจึงไปยื่นเรื่องขอให้ ป.ป.ช. อุทธรณ์คำพิพากษาคดีดังกล่าวต่อไป
ก็ไม่รู้ว่าสุดท้าย วีระ กับ คสช. จะไปลงกันที่ตรงไหน แต่ที่แน่ๆ ถ้ามองมุมที่เขายังคงทำหน้าที่ของตนเองต่ออย่างไม่ลดละ นี่แหละที่ต้องยอมใจ!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง