
คทช. เร่งจัด'ที่ดินทำกิน'ให้ชุมชน
คทช. เร่งขับเคลื่อนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ลดเหลื่อมล้ำกระจายถือครองที่ดิน
ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน เพื่อมุ่งหวังที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเพื่อรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ซึ่งผลการดำเนินงานในปี พ.ศ.2558-2559 คณะอนุกรรมการจัดที่ดิน (รับผิดชอบโดยกระทรวงมหาดไทย) ได้รับมอบพื้นที่จากคณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน (รับผิดชอบโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) รวมทั้งสิ้น 97 พื้นที่ 54 จังหวัด สามารถดำเนินการจัดคนเข้าทำประโยชน์ได้แล้วทั้งสิ้น จำนวน 23,583 ราย 29,951 แปลง เนื้อที่ 171,327 ไร่ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2560 คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน กำหนดพื้นที่เป้าหมายที่จะดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน จำนวน 152 พื้นที่ 56 จังหวัด เนื้อที่ 272,249-0-79.70 ไร่
นโยบายการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชน ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบดำเนินการให้สำเร็จตามเป้าหมาย เพราะนอกจากประชาชนจะมีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังเป็นการป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐทุกประเภท โดยเฉพาะเขตพื้นที่ป่าสงวนหรือพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐที่ถูกบุกรุกมากที่สุด และเป็นการกระจายสิทธิการถือครอง และการป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในการครอบครองของผู้ที่ไม่ใช่เกษตรกรผู้ยากไร้ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยที่ดินที่นำมาจัดสรรให้กับราษฎรผู้ยากไร้ประกอบด้วย พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าชายเลน พื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดิน พื้นที่สาธารณประโยชน์ พื้นที่ราชพัสดุ และพื้นที่นิคมสร้างตนเอง
นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการ คทช. กล่าวว่า “นโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนนี้จะมีบทบาทสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในการกระจายการถือครองที่ดิน ช่วยให้ราษฎรผู้ยากไร้และไม่มีที่ดินทำกินเกิดความมั่นคงในการถือครองที่ดิน เนื่องจากรัฐรับรองสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดิน ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการบุกรุกป่า นอกจากนี้ ผู้ยากไร้ที่ได้รับการจัดการที่ดินยังได้รับการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ทำให้มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะช่วยสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง อันจะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติโดยรวม ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ คทช. ตั้งเป้าการจัดที่ดินทำกิน ทั้งสิ้นจำนวน 5,600,000 ไร่ ภายในกรอบเวลา 20 ปี รวมทั้งอยู่ระหว่างการผลักดันร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินมีความเป็นเอกภาพ การกำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ที่มีอยู่อย่างจำกัด มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นธรรม และยั่งยืน