ซัมซุง ผุดโครงการ Samsung Smart Learning Center ตอบโจทย์ปัญหาสังคมในหัวข้อ "เด็กยุคใหม่ จบไปจะทำงานอะไร เพาะพันธุ์ผลผลิตในห้องเรียน
โลกที่เปลี่ยนแปลง ห้องเรียนก็ต้องปรับเพื่อรับมือกับความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เช่น ใช้หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ ทำให้งานหลายงานอย่างที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาจไม่มีอยู่ในอนาคต จึงได้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เด็กยุคใหม่ จบไปจะทำงานอะไร ขึ้นมา บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด จึงได้จัด โครงการ Samsung Smart Learning Center เพื่อที่จะช่วยให้เด็กและเยาวชน อยู่รอดได้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ณวนุช สรรพบพิตร
ณวนุช สรรพบพิตร ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า โรงเรียนเทิงถือเป็นต้นแบบที่ประยุกต์ใช้นวัตกรรมเข้าหาการเรียนรูปแบบใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นแห่งเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้แก่โรงเรียนอื่นๆ ได้เข้ามาจัดการศึกษาวิธีการเรียนการสอน ก่อนให้เกิดประโยนช์แก่นักเรียนและความเปลี่ยนแปลง ในห้องเรียนอย่างเห็นได้ชัด
" ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาห้องเรียนแห่งอนาคตของซัมซุงได้ขยายสู่เครือข่ายโรงเรียนอื่นๆ ไปแล้วถึง 47 โรงเรียน ทั่วทั้งประเทศ โดยสร้างประโยชนืให้แก่ครูจำนวนมากกว่า 3 พันคน และนักเรียนกว่า 7 หมื่นคน โดยนักเรียนเหล่านี้ยังได้ค้นพบ การเปลี่ยนแปลงของตัวเองว่ามีการพัฒนาทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม , ทักษะการใช้ชีวิตและอาชีพ และทักษะทักษะการสื่อสารข่าวและเทคโนโยลี การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ นอกจากนี้ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการยังเผยว่า การทำงานร่วมกับเพื่อน คือหนึ่งในสามสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อการเติบโตของพวกเขา " ณวนุช กล่าว
แนวคิดหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางก็คือ กรอบการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มภาคี แนวคิดนี้เสนอว่าผู้เรียนควรได้รับการพัฒนา ให้มีทักษะสำคัญ 3 กลุ่ม ได้แก่ ทักษะการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรม , ทักษะด้านสนเทศสื่อเทคโนโลยี และทักษะชีวิตและอาชีพ
เพื่อให้ผู้เรียนได้มีทักษะสำคัญดังกล่าว การเรียนการสอนในศตวรรษใหม่จึงต้องก้าวพ้นจากการสอนแบบรอรับความรู้ โดยมีครูเป็นต้นทางผู้ถ่ายทอดความรู้ไปสู่การใช้กระบวนการเรียนรู้แบบผู้เรียนมีส่วนร่วม ผู้เรียนกระทำการเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยมีครูและผู้อำนวยการให้การสนับสนุน
ปัจจุบันโครงการได้สนับสนุนแนวคิดการพัฒนาการประเมิน แบบใหม่ที่โรงเรียนเข้าร่วมโครงการได้เริ่มพัฒนา และทดลองใช้ โดยคาดหวังว่าในอนาคต จะเกิดมาตรฐานและการประเมินแบบใหม่ที่ด้รับการยอมรับ และถูกนำมาใช้สนับสนุนการจัดการศึกษาแห่งศตวรราใหม่ในวงกว้าง โดยมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 47 โรงเรียน
ครูกัณจนา อักษรดิษฐ์
ครูกัณจนา อักษรดิษฐ์ ครูที่ปรึกษาชุมนุมโรงเรียนเทิงวิทยาคม จังหวัดเชียงราย หนึ่งในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่าการให้เด็กทำงาน ลงมือปฎิบัติงาน และทำกิจกรรมตลอด จะส่งผลให้เด็กไม่เบื่อ โดยมีครูกระตุ้นว่าสิ่งนี้หาเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรสุดท้ายจะมีความสนใจและต้องการที่จะทำให้สำเร็จ
กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ค้นพบปัญหาที่เกิดใกล้ตัวในชุมชนของพวกเขา โดยการเริ่มเอาหัวข้อต่างๆ มาพูดคุยกันวิพากษ์ข้อดี ข้อเสียของแต่ละหัวข้อ ซึ่งเป็นวิธีการโหวตตามเสียงข้างมาก เพราะเป็นการหาข้อตกลงร่วมกันด้วยเหตุผล ซึงจะทำให้เด็กๆ ยอมรับเหตุผลของอีกฝ่ายทำให้สามารถช่วยกันทำงานต่อย่างเต็มใจ โดยไม่มีใครวางมือกลางคัน
ทัศนคติที่สำคัญที่ครูควรมีคือการมองคำถามของเด็กๆ ในเชิงสร้างสรรค์ และกระตุ้นในเกิกการตั้งคำถามและหาคำตอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเด็นต่างๆ กระจ่างขึ้น เพื่อจะได้ต่อยอดไปสู่การค้นพบใหม่ๆ มากขึ้น ส่งผลให้เด็กล้าคิด กล้าถาม และกบ้าแสดงออก โดยไม่เน้นถูกหรือผิด คอยช่่วยนักเรียนรวบรวมความคิดด้วยการตั้งคำถาม เพื่อให้เกิดการชี้แจงหรือวิพากษ์กันด้วยเหตุผล ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นตลอดโครงการ "ประสบการณ์สอนเราว่า ควรแก้ไขปัญหายังไง และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง" ครูกัณจนา กล่าว
พอฤทัย อุตเคียน
พอฤทัย อุตเคียน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 แกนนำชุมนุมซัมซุง โรงเรียนเทิงวิทยาคม เล่าว่า ได้เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ม.1 โดยเริ่มจากวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ตั้งแต่ที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ ทำให้มีความอดทนมากขึ้น และได้นำไปปรับใช้ในการเรียน ส่งผลให้การเรียนดีขึ้น และได้นำสื่อเทคโนโลยีต่างๆที่ซัมซุงมอบให้แก่โรงเรียน ใช้ประกอบการทำวิจัยเช่น โน๊ตบุ๊คใช้ในการตัดต่อวีดีโอ , ใช้กล้องในการถ่ายภาพนิ่งในการลงพื้นที่ชุมชนและการถ่ายวีดีโอ และใช้เทปเล็ปในการจดข้อมูลต่างๆที่ศึกษามา
ในฐานะที่เป็นแกนนำก็จะใช้สื่อวีดีโอหนังสั้นที่ ได้ทำ และที่รุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จไปใช้ในการการประชาสัมพันธ์โครงการนี้เพื่อกระตุ้นให้น้องๆสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ และต้องการนำประโยนช์ที่ได้รับจากโครงการนี้ไปเผยแพร่ให้แก่ชุมชน ในกระบวนการทำงานคือจะให้ทุกคนเสนอชุมชนที่ต้องการที่จะทำขึ้นมา แล้วปรึกษาหารือ เกี่ยวกับข้อดีหรือข้อจำกัดที่ดีที่สุดมาของในแต่ละชุมชน
การศึกษาคือเมล็ดพันธุ์แห่งนวัตกรรม และการค้นพบปัจจัยสำศัญที่ทำให้มนุษยชาติก้าวไปข้างหน้า ไปสู่การพัฒนาการศึกษาไทยให้เข้าแข็ง อันเป็นเป้าหมาสูงสุดของโครงการซัมซุง สร้างพลังเรียนรู้สู่อนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง