ดร.สุทธิกร กิ่งแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาผู้บริหารทางธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิชาการด้านพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่าภาวะเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่สถาบันการเงินพยายามลดความเสี่ยงการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL โดยการเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น
ดังนั้นถึงแม้ในช่วงนี้ประเทศไทยยังมีโอกาสน้อยที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจซ้ำรอย “วิกฤติต้มยำกุ้ง” แต่การเติบโตระดับต่ำอย่างในปัจจุบันเป็นสัญญาณของปัญหารูปแบบใหม่ของเศรษฐกิจไทย ซึ่งก็คือ “ปัญหากับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap)” กล่าวคือ การที่เราค่อยๆ สูญเสียความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เปรียบเสมือนสภาวะต้มกบ ที่กบกำลังจะตายอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายจากน้ำที่ค่อยๆ เดือด
แนะภาครัฐและเอกชนไทยเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อไม่ให้เกิดการย่ำอยู่กับที่จนกลายเป็น “วิกฤติต้มกบ” เนื่องจากปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านที่เคยล้าหลังกว่าไทยพัฒนาไปมาก หลายประเทศมีการเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น
อาทิ เมียนมาร์ กัมพูชา และเวียดนาม เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับความสามารถทางการแข่งขันอย่างรวดเร็ว พร้อมชี้ภาคธุรกิจไทยควรมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องในระยะยาวแทนการลงทุนเพื่อเก็งกำไรอย่างฉาบฉวย และภาครัฐควรเร่งยกระดับภาคการเกษตรโดยนวัตกรรมและการสร้างมูลค่าเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม มาตรการที่สำคัญที่ภาครัฐควรทำเพิ่มเติมคือการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเกิดการลงทุนในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หรือ Reinvestmentอาทิ การนำผลกำไรที่ได้ไปต่อยอดซื้อเครื่องจักรหรือพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในระยะยาว แทนที่จะนำผลกำไรไปใช้เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น เช่น การเก็งกำไรในตลาดหุ้นหรือตลาดอสังหาริมทรัพย์
นอกจากจะเป็นการพัฒนาธุรกิจของตนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้แรงงานมีทักษะและรายได้เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการสนับสนุนภาคธุรกิจทั่วไปแล้วนั้น ภาครัฐควรเร่งให้เกิดการพัฒนาในภาคเกษตรกรรมของประเทศซึ่งมีการจ้างงานถึงเกือบประมาณครึ่งหนี่งของกำลังแรงงานไทยทั้งระบบ
โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรของประเทศเพื่อก้าวข้ามการแข่งขันในเรื่องราคากับประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า โดยการยกระดับภาคธุรกิจและภาคการเกษตรจะเป็นแนวทางสำคัญที่สามารถกระตุ้นการบริโภคของทั้งระบบเศรษฐกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจโดยรวม
ในภาพรวมถึงแม้ไทยจะมีข้อได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาค สามารถเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และยังอยู่ในความสนใจของต่างชาติในการลงทุน แต่ประเทศเราก็ยังมีปัญหาการพัฒนาในหลายภาคส่วน ทั้งการวิจัยและพัฒนาของภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ ภาคการเกษตรที่ยังขาดประสิทธิภาพในการผลิตและการสร้างมูลค่าเพิ่ม ระบบการศึกษาที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประเทศได้ และระบบราชการที่ยังขาดประสิทธิภาพเต็มไปด้วยการคอรัปชั่น เป็นต้น