
"สมหวัง" มั่นใจ สมศ.ประเมินมหาวิทยาลัยรอบ 2 ยุติธรรม
หลังจากผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 2 อุดมศึกษา พ.ศ.2549-2551 โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) (องค์การมหาชน) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ รักษาการผู้อำนวยการ สมศ. เปิดเผยว่า มีมหาวิทยาลัยที่เข้ารับการประเมินท
1.กลุ่มเน้นการผลิตบัณฑิตและวิจัย จำนวน 23 แห่ง 2.กลุ่มเน้นการผลิตบัณฑิตและพัฒนาสังคม มี 101 แห่ง 3.กลุ่มเน้นการผลิตบัณฑิตและพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรม มีทั้งหมด 15 แห่ง และ 4.กลุ่มเน้นการผลิตบัณฑิต มี 63 แห่ง มีเพียง 16 แห่งเท่านั้นที่ไม่ผ่านการรับรอง
ทั้งนี้ในส่วนของ กลุ่มที่ 1 เน้นการผลิตบัณฑิตและวิจัย ถือว่าเป็นประเด็นร้อน เนื่องจาก มหาวิทยาลัย 23 แห่ง มี 11 แห่งเท่านั้นที่ผ่านการประเมินในระดับดีมาก ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (มทม.) ได้ 4.86, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) 4.76, ม.อุบลราชธานี 4.70, ม.ธรรมศาสตร์ 4.67, ม.สงขลานครินทร์ 4.65, ม.ขอนแก่น 4.62, จุฬาฯ 4.62, ม.เกษตรศาสตร์ 4.57, ม.นเรศวร 4.56, ม.เชียงใหม่ 4.53, ม.มหิดล 4.53 และระดับดี 12 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า 4.36, ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 4.35, ม.แม่โจ้ 4.34, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 4.33, ม.มหาสารคาม 4.27,สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 4.27, ม.ศรีนครินทรวิโรฒ 4.20, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) 4.19, ม.ศิลปากร 4.11, ม.ชินวัตร 3.86, ม.คริสเตียน 3.83, ม.บูรพา 3.80 โดยทั้ง 23 แห่งผ่านการรับรองมาตรฐานจาก สมศ.
เป็นที่น่าสังเกตว่า มทม.เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน แต่กลับได้คะแนนมากกว่ามหาวิทยาลัยรัฐเก่าแก่อย่างจุฬาฯ ม.เกษตรศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และ ม.มหิดล ขณะที่ มจธ. หนึ่งในมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติกลับได้คะแนนในระดับดีเท่านั้น ทำให้หลายๆ มหาวิทยาลัย อย่าง มจธ. ม.เกษตรศาสตร์ สงสัยว่าเกณฑ์การประเมินของ สมศ.จริงๆ แล้วมีรูปแบบลักษณะเช่นใด
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา ศ.ดร.สมหวังออกมาชี้แจ้งผ่านรายการ "แนะแนวแนะน้อง" เอฟเอ็ม 102 ออกอากาศทุกวันเสาร์ 13.00-14.00 น. ถึงเกณฑ์การประเมินของ สมศ.ที่มหาวิทยาลัยตั้งข้อกังขาว่า อาจไม่ยุติธรรม เอื้อประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่ง
ผอ.สมศ. กล่าวต่อว่า เกณฑ์การประเมินของ สมศ. ที่ใช้ในการประเมินรอบสองนี้ เป็นเกณฑ์ที่ผันแปรตามกลุ่มสถาบันแต่ละกลุ่ม และกว่าจะเกิดเกณฑ์การประเมินเป็นรูปเป็นร่างได้นั้น ทุกข้อล้วนผ่านการพิจารณาจากมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง เนื่องจากคุณวุฒิผู้จัดเกณฑ์การประเมิน ทุกคนได้รับการรับรอง และไว้วางใจจากมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่มหาวิทยาลัยส่งรายชื่อมาทั้งนั้น แล้วอย่างนี้เกณฑ์การประเมินจะไม่ยุติธรรมได้อย่างไร
“เกณฑ์การประเมินมีทั้งหมด 7 ข้อ ได้แก่ 1.มาตรฐานด้านคุณภาพบัณฑิต 2.มาตรฐานด้านงานวิจัยและงานสร้างสรรค์ 3.มาตรฐานด้านการบริการวิชาการ 4.มาตรฐานด้านการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม 5.มาตรฐานด้านการพัฒนาสถาบันและบุคลากร 6.มาตรฐานด้านหลักสูตรและการเรียนการสอน และ 7.มาตรฐานด้านระบบการประกันคุณภาพ ส่วนเรื่องของการให้ 5 คะแนนนั้น แบ่งออกเป็น 1.ดูการพัฒนาระหว่างปีก่อนกับปีที่ถูกการประเมิน 1 คะแนน หากมหาวิทยาลัยไหนมีการพัฒนาที่ดี ก็ได้ 1 คะแนนทันที 2.ตรงตามเป้าที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้ก่อนการประเมิน 1 คะแนน และ 3 คะแนนนั้นเป็นการพิจารณาตามเกณฑ์ของ สมศ.” ผอ.สมศ. กล่าว
การพิจารณาเกณฑ์ของ สมศ.ถือเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำ ที่ ศ.เกียรติคุณ ดร.สมหวัง ย้ำว่า จริงๆ แล้วเกณฑ์การประเมิน การพิจารณาของ สมศ.อยากให้ดูที่รับรอง หรือไม่รับรองมากกว่า เพราะ สมศ.ไม่ได้ต้องการเผยแพร่คะแนน เพื่อให้มหาวิทยาลัยมุ่งสนใจว่าจะได้คะแนนเท่าใด และไม่ได้ต้องการจัดลำดับมหาวิทยาลัย เป็นเพียงการจัดอันดับว่ามีคุณภาพดีมาก ดี พอใช้ หรือปรับปรุง ซึ่งมองภาพรวมของมหาวิทยาลัยวิจัยทั้ง 23 แห่ง ต่างได้รับรองมาตรฐานจาก สมศ.
ข้อโต้แย้งความไม่เหมาะสมของเกณฑ์การประเมินในส่วนของการรวมทุกวิทยาเขต แล้วมาประเมินเป็น 1 มหาวิทยาลัย ศ.เกียรติคุณ ดร.สมหวัง บอกต่อว่า ทุกข้อเสนอแนะ สมศ.ยินดีรับฟัง และจะนำไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการดูแลเรื่องนี้ต่อไป เพราะ สมศ.เข้าใจว่า บางมหาวิทยาลัยเก่าแก่ อย่าง มก.มีถึง 4 วิทยาเขต ซึ่งวิทยาเขตเปิดใหม่อาจเป็นตัวฉุดคะแนนภาพรวมของมหาวิทยาลัย
“ผมมองว่าการแยกเป็นกลุ่มๆ ประเมินตามวิทยาเขตของแต่ละแห่งโดยส่วนตัวไม่น่าจะทำได้ เพราะเกณฑ์การประเมินของ สมศ.เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำ และไม่ว่าจะเป็นกี่วิทยาเขต ทุกวิทยาเขตต้องมีคุณภาพ ส่วนที่จะแก้ไขได้ คงเป็นเรื่องของการจัดเกณฑ์ให้ตรงกับกลุ่มแต่ละประเภท และมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากการประเมินคุณภาพภายนอกนั้น เพื่อต้องการให้มหาวิทยาลัยรู้ถึงคุณภาพ ศักยภาพของตนเอง อันนำไปสู่การพัฒนาต่อไป” ศ.ดร.สมหวัง กล่าวทิ้งท้าย
0 ชุลีพร อร่ามเนตร 0