
“รอมาฎอน”จบสิ้นลงแล้ว
“รอมาฎอน” จบสิ้นลงแล้ว ท่ามกลางรอยยิ้มแห่งความสุขของพี่น้องๆมุสลิม ที่นับถือศาสนาอิสลามทั่วโลก
หนึ่งเดือนที่ต้องอดอาหารในตอนกลางวันและต้องอยู่ในกฎอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การทำความดีในเดือนนี้มีความสมบูรณ์ที่สุด และจะไม่สมบูรณ์ที่สุดได้ หากไม่จ่ายซากาตฟิตเราะห์ “การบริจาคเงินหรืออาหารซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่มุสลิมทุกคนจะต้องจ่ายให้กับผู้ที่มีสิทธิ์รับ” อย่างเคร่งครัด
อียิปต์ เป็นประเทศอิสลามที่เปิดกว้างในด้านศาสนา ให้อิสระในการแสดงความคิดเห็นที่อยู่บนขอบเขตของเนื้อหาที่ถูกต้อง ไม่นำพาไปสู่ความแตกแยกแม้จะมีการปฏิบัติที่แตกต่าง หากแต่ในยุคปัจจุบันนี้อียิปต์ได้มีการเคร่งครัดในเรื่องศาสนา ทุกเวทีที่เกี่ยวกับเรื่องศาสนาหรือแม้แต่การอ่านคุ๊ตเบาะห์ “คำสอนในการละหมาดวันศุกร์”ก็ต้องอยู่ในการควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์แบบฉบับอียิปต์ที่ไม่มีที่ใดเหมือนในโลกใบนี้
ปีนี้ในประเทศอียิปต์ก็ยังคงครึกครื้นเหมือนทุกปีที่ผ่านสำหรับชาวอียิปต์ แต่เป็นปีที่นักศึกษาไทยสร้างสีสันให้วันตรุษอีดในอียิปต์ให้มีสีสันมากขึ้น สวยงามจนชาวอียิปต์ต้องเอาไปออกสื่อในความโดดเด่นของการแต่งกาย ไม่ว่าจะด้วยการแต่งกายที่มีสีสันในชุดอันเป็นเอกลักษณ์ประจำใจของตัวเอง หรือการใส่แบบสไตล์อาหรับและการแสดงออกถึงความสุขไปพร้อมๆกับพี่น้องชาวอาหรับอียิปต์อย่างลงตัว
และที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น คือการที่น้องๆนักศึกษาไทย เดินทางไปร่วมละหมาดในสถานที่สำคัญๆเกือบทั่วประเทศอียิปต์เลย ไม่เฉพาะละหมาดในบริเวณที่ใกล้กับที่อยู่อาศัย นั่นหมายถึงการให้ความสำคัญกับสถานที่ประวัติศาสตร์อันสำคัญๆของประเทศอียิปต์ เพื่อเป็นข้อมูลในการเล่าต่อกันอีกยาวนาน
วันนี้หนึ่งในภาพถ่ายของน้องนักศึกษาที่ถูกตาต้องใจเป็นอย่างมากที่โพสอยู่ในเฟส จะเป็นหนึ่งตัวแทนของนักศึกษาไทยที่มาบอกให้แฟนๆได้รู้ถึงความรู้สึกในการร่วมละหมาดอีดและเฉลิมฉลองในวันสำคัญวันนี้ให้เราได้เข้าใจความรู้สึกของน้องๆที่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนว่าเขารู้สึกอย่างไร
อับดุล ปูเต๊ะ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร คณะนิติศาสตร์อิสลาม เป็นคนจังหวัดนราธิวาส จบการศึกษาจากโรงเรียนดารุสสาลาม จังหวัดนราธิวาส เล่าให้ฟังว่า แม้จะคิดถึงบรรยากาสแบบบ้านๆที่เมืองไทยแต่ก็ไม่ถึงกับเศร้าเกินไปจนรู้สึกหดหู่ จริงอยู่ว่าไม่ได้อยู่พร้อมหน้าตากับครอบครัว พ่อแม่ พี่ๆน้องๆ หรือแม้แต่การได้ลิมรสชาติอาหารแบบบ้านๆ
แต่ก็มีความสุขไปอีกแบบ ความสุขของครอบครัวใหญ่ในชมรมดารุสสาลาม ที่มีพี่ๆน้องๆให้ได้กอดพร้อมขออภัยซึ่งกันและกัน มีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักที่เราต่างต้องจากครอบครัวมาเหมือนกัน แม้ไม่มีอาหารโปรดเหมือนที่บ้านเกิดเมืองนอนก็ไม่ได้ทำให้ความสุขลดลงไปได้เลย และคิดว่าพวกเราทุกคนต่างก็มีความรู้สึกนี้เหมือนๆกัน น้องดับดุลเล่าต่ออีกว่า ปีนี้ตัวเองไม่ค่อยสบายใจเท่าที่ควรไม่เหมือนปีที่ผ่านมา
น้องอับดุลเสริมว่า อียิปต์เป็นประเทศที่อิสระทางด้านศาสนา ทุกศาสนาสามารถแสดงออกถึงความรักในศาสนาของตัวเองได้ และเป็นการแสดงออกทีไม่เกินไป ทุกศาสนามีขอบเขตและให้เกียรติกันและกันเป็นอย่างมาก ถ้าให้พูดถึงความแตกต่างระหว่างวันตรุษอีดที่อียิปต์กับประเทศไทยเรานั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดคืออียิปต์จะเน้นการละหมาดและการขออภัยซึ่งกันและกันโดยการสลาม “จับมือ” พร้อมกอดกันก่อนจะแยกกันกลับที่พักของตัวเอง
ส่วนใหญ่อียิปต์จะยกครอบครัวไปพักผ่อนที่สวนสาธารณะและเป็นการหยุดอีดหลายวันติดต่อกัน ในขณะที่ประเทศไทยโดยเฉพาะในหมู่บ้านของผม ผู้หญิงจะมีการทำอาหารกันอย่างครึกครื้น และหลายชนิด เพื่อเตรียมไว้ทำบุญในเช้าวันอีด มีการละหมาดร่วมกันในมัสยิดและมีการบริจาคเงินให้กับเด็กเล็กๆที่มารอรับ พร้อมกับรับประทานอาหารร่วมกันหลังจากนั้นก็มีการเยี่ยมญาติทั้งในหมู่บ้านเดียวกันหรือต่างจังหวัด
อียิปต์วันนี้ยังคงมีพื้นที่ให้เราได้แสดงถึงความรัก แม้จะห่างหายกันไปนานแต่เมื่อถึงวันนี้ที่ไร พวกเราก็ได้พบและกอดกัน ขออภัยในสิ่งผิดพลาดที่ผ่านมา นี่คือเสน่ห์และความดีที่เกิดขึ้นในวันอีดฟิตรี ไม่ว่าที่ใดของโลกก็ตาม “ที่ใดมีอิสลาม ที่นั่นจะมีความสุข”