ถูกสร้างขึ้นโดยหลวงพ่อจันทร์ดี พร้อมกับชาวบ้านในชุมชนสมัยนั้น ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ในการก่อสร้างนั้น ส่วนใหญ่เป็นหนังวัว-หนังควาย กระดูกวัว-กระดูกควาย และดินเหนียวที่ถูกนำมาเผาผสมเป็นปูน โดยภาพวาดบนสิม ล้วนแล้วมาจากเรื่องเล่าวรรณคดี พุทธประวัติ และวิถีชีวิต เพื่อเป็นปริศนาธรรมสอนลูกหลาน
เสถียร พุทไธลัง ปราชญ์ชาวบ้าน ต.ดงบัง อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เล่าว่า "เมื่อหลวงพ่อพระครูจันทร์ดี สร้างเสร็จเพื่อใช้ในกิจการทางศาสนาแล้ว ท่านมีกุศโลบายที่จะสอนธรรมให้กับญาติโยมลูกหลานบ้านดงบังรู้ โดยสมัยเมื่อ100กว่าปีที่แล้วคนอ่านหนังสือไม่ออก ต้องดูรูปภาพ ท่านเลยแต้มสังข์ศิลป์ชัยเป็นวรรณคดีเอกของอีสาน พระเวชสันดรชาดก พระมาลัยโปรดสัตว์นรก พระมาลัยไปสวรรค์ เอ่อ...และก็พุทธประวัติ นอกจาก4เรื่องนี้ ท่านจะแทรกวิถีชีวิตชาวบ้าน วัฒนธรรมประเพณีของหมู่บ้านแทรกไว้ในฮูปแต้มด้วย " นับว่าเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสวยงามและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง ที่ควรอนุรักษ์และเผยแพร่ให้คนที่สนใจ ได้เข้ามาศึกษาประวัติศาสตร์ภาพวาดแห่งนี้
วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สถาบันการศึกษาที่ใกล้ชิดกับชุมชน จึงได้ร่วมกับภาคสังคม จัดกิจกรรมฮักแพงเบิ่งแยงฮูปแต้มดงบังขึ้น เพื่อทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดไปในตัวด้วย
กันตา วิลาชัย รองคณบดีฝ่ายบริหาร วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่าในฐานtที่เราเป็นวิทยาลัยการเมืองการปกครอง เราเรียนกันทางด้านรัฐศาสตร์ ส่งเสริมให้นิสิตได้ลงชุมชน ให้นิสิตสามารถที่จะสร้างกระบวนการให้กับชุมชน ได้พัฒนาวัฒนธรรมที่ตัวเองมีอยู่ด้วยตัวของเขาเองอย่างเข้มแข็ง เราก็เลยมากระตุ้นเร้าให้ชุมชนทำสิ่งนี้ เรามีสมมติฐานอย่างหนึ่งว่า อะไรก็ตามที่เด็กรัฐศาสตร์ทำได้ เราเชื่อว่าชาวบ้านก็ย่อมทำได้ อย่างเรื่องการเก็บศิลปะออกมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ เด็กรัฐศาสตร์ไม่มีความรู้เลย แต่เราเป็นนักจัดการ เราก็เลยเชื่อว่า การจัดการอย่างนี้ โดยวิธีของนักรัฐศาสตร์ จะได้เป็นตัวอย่างให้กับชาวบ้านด้วย เรากระตุ้นเร้าชาวบ้านด้วย ในขณะเดียวกันนิสิตของเราก็ได้ร่วมเรียนรู้ เพราะต่อไปนิสิตวิทยาลัยการเมืองจะได้ออกมาเป็นนักพัฒนา ผู้นำชุมชน
นอกจากนี้ ยังมีซุ้มนิทรรศการแสดงวิถีชีวิตของชุมชน ภาพวาดบนกระดาษโปสเตอร์ หมอน-กรอบรูปฮูปแต้ม และการแข่งขันการวาดภาพรูปของเด็กเยาวชน เพื่อให้คนเหล่านี้ได้เรียนรู้วิธีการวาดภาพ สร้างกระบวนการคิด และเรียนรู้งานศิลปะ ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญ ของการขับเคลื่อนสังคมให้เกิดการอนุรักษ์หวงแหนวัฒนธรรมของตน