
เมืองฟ้าอมร
เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๒ มีข่าวน่าเศร้า เมื่อพ่อแม่ชาวอเมริกันผิวดำ ในเมืองวิลมิงตัน นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ยิงลูกเล็กๆ ๕ คน และตัวเองตาย เพราะถูกไล่ออกจากงาน ในบรรดาลูกนั้น มีคู่แฝดเล็กๆ ๓ ขวบ
การตัดสินใจจบชีวิตของทั้งครอบครัวด้วยปัญหาตกงาน จึงเป็นเรื่องที่กระเทือนใจผู้อ่านอย่างยิ่ง
นครลอสแองเจลิส นั้น แปลว่า เมืองแห่งเทพ เมืองฟ้าอมร เหมือนกรุงเทพมหานครเลย
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คนตกงาน คนทำงานไม่ได้โบนัส ไม่ได้เงินเดือนขึ้น ซีอีโอบางบริษัทถูกลดเงินเดือน เพื่อจะได้ประคองบริษัท และลูกน้องจะได้ไม่ต้องกระทบมาก ผลกระทบนี้เป็นวงกว้าง เป็นปรากฏการณ์ทั้งโลก ทุกคนถูกกระทบ ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ลักษณะอย่างหนึ่ง ที่เราต้องรักษาคุณภาพใจของเรา คือ เราต้องดีใจว่า เรายังมีชีวิตอยู่ เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด
เมื่อครั้ง สึนามิ ผู้เขียนลงไปเยี่ยมผู้ได้ทุกข์จากสึนามิที่พังงา คุณป้าคนหนึ่งเข้ามากราบ แล้วร้องไห้อยู่กับอกพระ (ผู้หญิง) รำพันว่า "ไม่เหลืออะไรแล้ว"
ผู้เขียนก็ปลอบใจว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดคือ ชีวิต และเรายังมีชีวิตอยู่
พ่อแม่ เป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตแก่ลูก แต่พ่อแม่ไม่มีสิทธิที่จะฆ่าลูก ในกรณีที่กล่าวถึงข้างต้นนั้น พ่อแม่ไม่อยากให้เป็นภาระกับคนอื่น ก็ต้องนับว่าเป็นความคิดที่รับผิดชอบ
แต่ต้องไม่ลืมว่า ทุกคนเกิดมาด้วยบุญและกรรมของตน เมื่อลูกเกิดมาแล้ว ลูกย่อมมีบุญมีกรรมที่จะประคองชีวิตต่อไปได้ ถึงที่สุด แม้โดยปราศจากเรา
สำหรับตัวเราเองนั้น ก็ต้องคิดว่า การเกิดเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งการเกิดเป็นมนุษย์ ยิ่งยากลำบากนัก
โอกาสที่จะเกิดเป็นมนุษย์นั้น ในพระสูตรเปรียบว่า เหมือนกับ เต่าตาบอด ที่ ๑๐๐ ปีจึงจะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำครั้งหนึ่ง มีห่วงเล็กลอยอยู่ที่ผิวน้ำ โอกาสที่เต่าจะโผล่ขึ้นมาเอาหัวลอดเข้าไปในห่วงนั้น แสนที่จะยากเย็นปานใด โอกาสที่เราจะเกิดเป็นมนุษย์ ก็ยากเพียงกัน
ปัญหาอุปสรรคในชีวิต ย่อมมีมากบ้างน้อยบ้าง การจบชีวิต จึงไม่ใช่สิ่งประเสริฐ
และไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง ในครอบครัวดังกล่าว เป็นชาวคริสต์ ก็ต้องทำความเข้าใจในแง่มุมของชาวคริสต์ว่า
ชีวิตเป็นของพระเจ้า การทำลายสิ่งที่พระเจ้าสร้าง จึงไม่ถูกต้องยิ่งขึ้น
"ธัมมนันทา"



