
ขอนแก่น-มหาสารคาม-กาฬสินธุ์
ไหว้พระอีสานกลาง แวะชมหมู่บ้านเต่า ตื่นตาพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์
เดินสายทำบุญ ไหว้พระอีสานกลาง จากจังหวัดขอนแก่น ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 23 แยกไป 229 จนถึงกิโลเมตรที่ 12 แยกขวาไปวัดอุดมคงคาคีรีเขต จากถนนเข้าไปอีก 12 กิโลเมตร
1. วัดอุดมคงคาคีรีเขต จ.ขอนแก่น
ที่นี่เป็นวัดป่าของหลวงปู่ผาง พระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีสถานที่บรรจุอัฐและรูปเหมือนของหลวงปู่ผาง ภายในบริเวณวัดบรรยากาศร่มรื่น เหมาะสำหรับการวิปัสสนากรรมฐาน
สภานที่ : หมู่ 6 ตำบลนางาม อำเภอมัญจาคีรี ขอนแก่น 40160
เบอร์โทร : -
เวลาทำการ : 00:00 - 00:00
2. หมู่บ้านเต่า จ.ขอนแก่น
หมู่บ้านเต่า ตั้งอยู่ที่บ้านกอก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ห่างจะอำเภอเมืองประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านที่มีเต่าเพ็ก(เต่าเหลือง) ทั่วหมู่บ้าน
เต่าเพ็ก เป็นชื่อเรียกของคนภาคอีสานที่เรียกเต่าเหลือง เต่าเทียน หรือเต่าแขนง ซึ่งเป็นเต่าชนิดเดียวกัน ที่มาของชื่อเต่าเพ็กมาจากอาหารที่เต่าชอบกินตามธรรมชาติ คือหญ้าเพ็ก ซึ่งขึ้นอยู่ทั่วไปในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ เต่าเพ็กมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Indotestudo elongate มีพบอยู่ทั่วทุกภาคในประเทศไทย และในแคว้นอัสสัม พม่า มาเลเซีย ตลอดทั่วอินโดจีน เต่าเหลืองมักพบอยู่ในป่า เขตที่ราบสูงหรือภูเขา เป็นเต่าบทชนิดที่พบมากที่สุดของประเทศไทย แม้ว่าจะไม่สามารถอยู่ในน้ำได้ แต่เต่าเหลืองก็ชอบอาศัยอยู่ในที่ชื้นเย็น
เต่าเหลืองที่อยู่ตามธรรมชาติในภาคเหนือ และภาคอีสานของประเทศไทย เราสามารถคำนวณอายุของเต่าได้ จากากรนับวงปีที่แผ่นเกร็ดของกระดองเต่า แต่ทั้งนี้จะนับได้ต้องเป็นเต่าที่มีอายุไม่มากกว่า 20 ปี เพราะถ้ามากกว่า 20 ปี วงปีจะถี่มากจนไม่สามารถนับได้
เต่าเหลืองเป็นเต่าที่มีกระดองสูง มีลักษณะคล้ายหมวกเหล็กทหาร ขนาดโตเต็มที่มีกระดองสีเหลืองยาว 30 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 7 กิโลกรัม ขาหลังแข็งแรง สั้น ป้อง ทู่ มีเกล็ดขนาดใหญ่ที่ผิวหนัง ขาหลังมีลักษณะแบบขาช้าง นิ้วไม่มีพังผืด มีเล็บที่แข็งแรง กระดองท้องของตัวผู้จะเว้าเข้าไป ส่วนตัวเมียจะแบนราบ กระดองของเต่าเหลืองจะมีสีเหลืองปนดำ กระดองท้องมีสีเหลือง แต่จะมีสีดำตรงกลางแผ่น หัวมีสีเหลือง ขามีสีเทาดำ มีเกล็ดสีเหลือง เล็บมีสีเหลืองหรือขาว เต่าเพ็กจะเริ่มผสมพันธุ์กันในช่วงปลายฤดูฝน หลังจากนั้นประมาณ 1-2 เดือน จึงจะมีการวางไข่ตามพื้นดิน ตัวเมียใช้ขาหลัง และกระดองส่วนก้นขุดหลุมลึกประมาณครึ่งตัวเต่า การวางไข่ครั้งละประมาณ 4-6 ฟอง ไข่เต่าเพ็กจะแตกต่างจากไข่เต่าตนุ กล่าวคือมีลักษณะรีคล้ายไข่ไก่ แต่มีขนาดป้อมกว่านิดหน่อยและมีผิวสากมือเล็กน้อย เปลือกไข่แข็งกว่าเปลือกไข่เต่าทะเล แม่เต่าจะกลบดินให้มิดจนกว่าไข่จะฟักเป็นตัวออกมาเอง ไข่เต่าจะฟักออกมาเป็นตัวใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ช่วงแรกเกิด กระดองเต่าจะนิ่มมาก ตัวยาวประมาณ 3-5 ซม. เท่านั้น กระดองลูกเต่าจะเริ่มแข็งเมื่ออายุได้ประมาณ 1 ปี
ชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่เชื่อกันว่า เจ้าคุณปู่เป็นชายแก่รูปร่างสูงใหญ่ นุ่งขาวห่มขาวมีเต่าเพ็ก (เต่าเหลือง) เป็นบริวาร มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เต่าเพ็กที่บ้านกอกมีอายุยืนยาวสืบเชื้อสายกันมาพร้อมๆ กับการก่อตั้งบ้านกอก เมื่อประมาณพ.ศ.2310 เต่าเพ็กจะรวมกันอยู่มาก ในบริเวณที่เรียกว่าศาลเจ้าคุณปู่ (ดอนเต่า) ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ในบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อมเหศักดิ์ 2 ศาล ชื่อศาลเจ้าคุณปู่ฟ้าระงึมและมีหอพระพุทธ 1 หลัง บริเวณดอนเต่านี้มีกอไผ่อยู่ทั่วไป ใบไผ่ ร่วงหล่นทับถมกันเป็นที่อยู่อาศัยของเต่าได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านเชื่อกันว่าเต่าในบริเวณดอนเต่านี้ เป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าปู่ฟ้าระงึม จึงเรียกเต่าพวกนี้ว่าเต่ามเหศักดิ์อีกชื่อหนึ่ง เมื่อชาวบ้านกอกเชื่อว่าเต่าเพ็กเป็นเต่าของเจ้าปู่ฟ้าระงึม จึงมีความยำเกรงไม่ทำอันตรายเต่าในเขตหมู่บ้าน แต่ถ้าเผลอทำร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจก็จะไปขอขมาต่อเจ้าคุณปู่
ในหมู่บ้านจะไม่สร้างรั้วบ้านหรือกำแพงสูง ทั้งนี้เพื่อให้เต่าสามารถเข้ามาหาอาหารหรือหลบร้อน รวมทั้งออกไข่ในบริเวณที่ดินว่างของบ้านได้สะดวก นอกจากนั้นพวกสัตว์ต่างๆ เช่น วัว ควาย สุนัข เป็ด ไก่ ฯ ก็มีความคุ้นเคยกับเต่าเพ็กเป็นอย่างดี โดยไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน ชาวบ้านเล่าว่าเต่าเพ็กมีสัญชาตญาณในการกินอาหารดีมาก เพราะเต่ามักไปจับกลุ่มออกันแน่น ในบ้านผู้ใหญ่บ้านหรือร้านขายของชำ ที่มักจะมีการนำขนุนหรือเศษอาหารมารวมกันไว้ในช่วงเย็นของแต่ละวัน อาหารของเต่าเพ็กในหมู่บ้านได้แก่ ขนุน สับปะรด แตงไทย พืชผักพวกแตงกวา ผักบุ้ง ผักกาด กะหล่ำปลี หน่อไม้ และซากสัตว์ จากการสำรวจของชาวบ้านพบว่า เต่าในหมู่บ้านมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบันมีอยู่ประมาณมากกว่า 2,000 ตัว ทำให้อาหารในบริเวณดอนเต่ามีไม่เพียงพอ เต่าจึงออกหากินตามหมู่บ้านใกล้เคียง โดยไม่มีใครกล้าทำอันตรายเต่าเหล่านี้ เนื่องจากมีเรื่องเล่าว่าเคยมีราษฎรจากที่อื่นมาจับเต่าไปต้มกิน ทำให้อาเจียนเป็นโลหิตและตายในทันที ชาวบ้านจึงยึดถือเป็นประเพณีไม่ทำร้ายเต่า
สภานที่ : บ้านกก ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น 40160
เบอร์โทร : -
เวลาทำการ : 00:00 - 00:00
3. อุทยานกล้วยไม้ป่าช้างกระ วัดป่ามัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
อุทยานกล้วยไม้ป่าช้างกระ วัดป่ามัญจาคีรี อยู่บนถนนสายมัญจาคีรี-ชนบท ห่างจากตัวอำเภอมัญจาคีรี 1 กิโลเมตร หรือห่างจากขอนแก่นประมาณ 57 กิโลเมตร บริเวณวัดเป็นเนินดินขนาดใหญ่กลางทุ่ง มีพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ บริเวณวัดมีต้นไม้เก่าแก่จำนวนมากที่มีอายุหลายร้อยปี โดยเฉพาะต้นมะขาม และยังมีต้นตะโก กระถินป่า รวมประมาณ 280 ต้น มีกล้วยไม้ป่าพันธุ์ช้างกระเกาะอยู่ตามกิ่งไม้และเจริญพันธุ์ตามธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมากกว่า 4,000 ต้น กล้วยไม้เหล่านี้จะเริ่มออกช่อในราวเดือนธันวาคมและดอกสีชมพูขาวจะชูช่อบานเต็มที่ในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไปทั่วบริเวณ
ประวัติวัดป่ามัญจาคีรี เดิมเรียกว่าวัดป่าโนนบ้านเค้า มีอายุประมาณ 500-700 ปี สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 1800 - พ.ศ. 2300 โดยเจ้านางจอมจูมและบริวารซึ่งเดินทางมาปฏิบัติธรรม ณ บริเวณเนินดินกว้างใหญ่ มีนามว่าโนนบ้านเค้า อันร่มรื่นด้วยต้นมะขามใหญ่ที่มีกล้วยไม้ป่าเกาะอยู่ตามกิ่ง รอบโนนบ้านเค้ามีหนองน้ำอันอุดมสมบูรณ์ เจ้านางจอมจูม ได้สร้างสถูปหินทรายไว้เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา
พ.ศ. 2335 กวนเมืองแสนได้พาผู้คนจากเมืองสุวรรณภูมิมาตั้งเมืองชลบท (ชนบท) ขึ้นตรงกับมณฑลนครราชสีมา ขยายอาณาเขตมายังชุมชนโนนบ้านเค้า ได้นำต้นจำปา (ลีลาวดี) มาปลูกที่วัดแห่งนี้ด้วย ปัจจุบันยังเหลือไว้เป็นหลักฐาน
พ.ศ. 2424 พระเกษตรวัฒนาได้อพยพผู้คนจากบ้านเมืองมาสมทบกับชุมชนโนนบ้านเค้า แล้วยกฐานะเป็นเมืองมัญจาคีรี ขึ้นกับมณฑลอุดร เนื่องจากภูมิประเทศไม่เหมาะสม ประกอบกับเกิดโรคระบาด จึงอพยพผู้คนไปตั้งเมืองใหม่ที่ดอนเหมือดแอ่ ทิศตะวันตกของบึงกุดเค้า อันเป็นที่ตั้งของเมืองมัญจาคีรีในปัจจุบัน โนนบ้านเค้าจึงเป็นเมืองร้างถึง 40 ปี ต่อมาหลวงปู่เขียวได้ธุดงค์มาพบ จึงได้บูรณะและสร้างศาสนสถานคือสิมกลางน้ำ บริเวณหนองบัวน้อย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโนนบ้านเค้า ปัจจุบันถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง
การเดินทาง จากถนนมิตรภาพ (ทางหลวงหมายเลข 2) เลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอชนบท ตามทางหลวงหมายเลข 229 (ชนบท-มัญจาคีรี) ทางเข้าวัดอยู่ซ้ายมือ ก่อนเข้าตัวเมืองมัญจาคีรี 1 กิโลเมตร ระยะทางจากถนนมิตรภาพประมาณ 35 กิโลเมตร
จากขอนแก่นใช้เส้นทางทางหลวงหมายเลข 2731 (ขอนแก่น-พระยืน) ต่อเข้าถนนหมายเลข 2092 (พระยืน-มัญจาคีรี) ระยะทางจากตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 57 กิโลเมตร
สภานที่ : ถนนมัญจาคีรี-ชนบท อำเภอมัญจาคีรี ขอนแก่น
เบอร์โทร : -
เวลาทำการ : 00:00 - 00:00
4. พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือวัดมหาชัย จ.มหาสารคาม
ตั้งอยู่ในวัดมหาชัย (พระอารามหลวง) เลขที่ 205 ถนนมหาชัยดำริห์ ตำบลตลาด เป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุของภาคอีสาน เช่น ใบเสมาหิน พระพุทธรูปในสมัยโบราณ ใบลานหนังสือธรรมะ หม้อ ไห เป็นจำนวนมาก รวมทั้งบานประตู คันทวยแกะสลัก เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม แต่ควรติดต่อพระครูปลัดอุทัย อุทโย ล่วงหน้าก่อนเข้าชม 7 วัน สอบถาม โทร. 0 4372 5786
สภานที่ : ถนนมหาชัยดำริ ตำบลตลาด อำเภอเมือง มหาสารคาม
เบอร์โทร : 043 725 786
เวลาทำการ : 00:00 - 00:00
5. วัดพุทธมงคล จ.มหาสารคาม
ต.คันธาราษฎร์ อ.กันทรวิชัย ภายในวัดมีพระพุทธรูปยืนมงคล พระคู่บ้านคู่เมืองมหาสารคาม สร้างขึ้นด้วยหินทรายแดงสมัยทวาราวดี มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปมิ่งเมือง ตามตำนานชาวบ้านที่เป็นผู้ชายสร้างพุทธรูปมิ่งเมือง ส่วนผู้หญิงสร้างพระพุทธรูปยืนมงคลเมื่อขอฝน แล้วสร้างเสร็จพร้อมกัน จึงจัดงานฉลองอย่างมโหฬาร นับแต่นั้นมาฝนก็ตกต้องมาฤดูกาล
สภานที่ :
เบอร์โทร : -
เวลาทำการ : 08:00 - 18:00
6. วัดสุวรรณาวาส (ฝั่งซ้าย) จ.มหาสารคาม
เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นด้วยหินทรายแดงสมัยทวาราวดี ลักษณะคล้ายพระพุทธรูปยืนมงคล ตามตำนานชาวบ้านที่เป็นผู้ชายสร้างพุทธรูปมิ่งเมือง ส่วนผู้หญิงสร้างพระพุทธรูปยืนมงคลเมื่อขอฝน แล้วสร้างเสร็จพร้อมกัน จึงจัดงานฉลองอย่างมโหฬาร นับแต่นั้นมาฝนก็ตกต้องมาฤดูกาล
สภานที่ :
เบอร์โทร : -
เวลาทำการ : 08:00 - 18:00
7. วัดศรีบุญเรือง (วัดเหนือ) จ.กาฬสินธุ์
อยู่ถัดจากวัดกลางเป็นวัดเก่าแก่ในเขตเทศบาลเมือง ซึ่งมีเสมาจำหลักเมืองฟ้าแดดสงยางจำนวนหนึ่งเก็บรักษาไว้ โดยปักไว้รอบพระอุโบสถ หลักเสมาจำหลักที่สวยงามคือ หลักที่จำหลักเป็นรูปเทวดาเหาะอยู่เหนือปราสาททำเป็นซุ้มเรือนแก้ว (ศิลปะแบบทวาราวดี) ซ้อนกันเป็น 2 ชั้น ล่างสุดมีรูปกษัตริย์ พระมเหสี และพระโอรส
วัดเหนือ(วัดศรีบุญเรือง) ตั้งอยู่ที่ ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
อยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 517 กม.ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 6 ชั่วโมง 11 นาที *
อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 1.0 กม.ใช้เวลาเดินทางตัวจังหวัดประมาณ 3 นาที **
อยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 0.9 กม.ใช้เวลาเดินทางตัวอำเภอประมาณ 3 นาที ***
* อ้างอิงจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
** อ้างอิงจากศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์
*** อ้างอิงจากที่ว่าการอำเภออำเภอเมืองกาฬสินธ์
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว จากวงเวียนโปงลางใช้ ถ.กาฬสินธุ์ไปทางอนุสาวรีย์พระยาไชยสุนทร ถึงห้าแยกอนุสาวรีย์แล้วให้เลี้ยวขวาเข้า ถ.โสมพะมิตร พบสี่แยกอีกครั้งให้เลี้ยวซ้ายไปเล็กน้อยวัดอยู่ทางขวามือ
รถรับจ้าง เหมารถสามล้อรับจ้างในตัวเมือง
สภานที่ : สำนักงานจังหวัดกาฬสินธุ์ ศาลากลาง เมืองกาฬสินธุ์
เบอร์โทร : 043 811 620
เวลาทำการ : 00:00 - 00:00
8. อุทยานไดโนเสาร์และพิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์
ป็นพิพิธภัณฑ์แหล่งศึกษาธรณีวิทยาโลกไดโนเสาร์ที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบ่งเป็นทั้งหมด 8 โซน จัดแสดงนิทรรศการความเป็นมาของการเกิดไดโนเสาร์ยุคต่างๆ รวมทั้งรูปภาพการขุดค้นพบซากโครงกระดูกในพื้นที่ภาคอีสาน เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.
สภานที่ :
เบอร์โทร : -
เวลาทำการ : 08:00 - 18:00
9. วัดป่าสักกะวัน จ.กาฬสินธุ์
เป็นสถานที่ขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์แหล่งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จัดแสดงความเป็นมาของการเกิดไดโนเสาร์ยุคต่างๆ และยังมีหลุมขุดโครงกระดูกไดโนเสาร์กินพืชที่สมบูรณ์ถึง 700 ชิ้น (ประมาณ 7 ตัว) โดยมีการสร้างอาคารใหญ่ครอบคลุมหลุมขุดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมโครงกระดูกไดโนเสาร์อย่างใกล้ชิด
สภานที่ : ตำบล โนนบุรี อำเภอ สหัสขันธ์ กาฬสินธุ์ 46140
เบอร์โทร : -
เวลาทำการ : 08:00 - 18:00