
แถลง5ข้อแก้กม.บัตรทองแนะ คสช. เชื่อหลักฐานเชิงประจักษ์
กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพร้องหยุดประชาพิจารณ์แก้กฏหมายบัตรทองทั้งหมดเริ่มกระบวนการแก้กฏหมายใหม่ที่สมดุลมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย แนะคสช. เชื่อข้อมูลเชิงประจักษ์
วันนี้ (18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคกลาง ตะวันตก ตะวันออก และ กทม. โดยนายพงษภัทร หงส์สุขสวัสดิ์ ผู้แทนกลุ่มคนรักหลักประกันณ อ่านแถลงการณ์เหตุผลที่คัดค้านเวทีประชาพิจารณ์ ว่า จากเวทีประชาพิจารณ์ 4 ภาค กลุ่มคนรักหักประกันฯ ขอแสดงจุดยืนคัดค้านไม่สนับสนุนการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวฃ
เนื่องจากไม่ลดความเหลื่อมล้ำ ไม่เพิ่มสิทธิประชาชน มีแนวโน้มร่วมจ่าย ทั้งมองบุคคลแค่เลข 13 หลัก ขาดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่สมดุล ประชาชนไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ที่สำคัญไม่มีคำตอบ ว่า การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระของกฎหมายให้ดีขึ้นได้อย่างไร เพราะหลักการและเหตุผลของการแก้กฎหมายเจาะจงว่าจะแก้มาตราไหนอย่างไรบ้าง
ดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะรับฟังความคิดเห็นรายมาตรา เรียกร้องให้หยุดกระบวนการทั้งหมด และเริ่มกระบวนการแก้กฎหมายใหม่ที่สมดุล และมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย จากการศึกษาร่างกฎหมายที่แก้ไข ไม่มีการปฏิรูประบบบริการสุขภาพ เช่น
1. การแก้ไขกฎหมายควรยึดหลักการ แก้แล้วประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรเป็นที่ตั้ง เช่น ต้องแก้ไขมาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 11 เพื่อให้มีสิทธิประโยชน์เดียวสำหรับทุกคน และบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
2. ยกเลิกการร่วมจ่าย เพราะการแก้ไขไม่ได้ยกเลิกการร่วมจ่าย ประชาชนมีโอกาสร่วมจ่ายเมื่อมีการไปใช้บริการ ซึ่งกลุ่มคนรักหลักประกัน คัดค้านการร่วมจ่ายที่หน่วยบริการ แต่สนับสนุนให้มีการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น จากกำไรในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Capital Gain) เพราะระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นของทุกคน คนชั้นกลางก็มีสิทธิล้มละลายได้ถ้าต้องจ่ายค่ารักษาบริการสุขภาพราคาแพงด้วยตนเอง
3. ขอให้ใช้ข้อมูลหรือหลักฐานเชิงประจักษ์ในการแก้กฎหมาย (Evidence Based) เช่น ควรแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจให้สปสช. สามารถจัดซื้อยาและอุปกรณ์การแพทย์ราคาแพง โดยในปัจจุบัน สปสช. จัดซื้อยารวมสำหรับโครงการพิเศษเพียงร้อยละ 4.9 ของการจัดซื้อยา ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณในรอบ 10 ปีได้เกือบ50,000 ล้านบาท เพราะหากไม่แก้กฎหมายให้สามารถจัดซื้อได้ รัฐบาลจะนำเงินปี ละ 5,000 ล้านบาทมาจากไหน ท่ามกลางทรัพยากรที่จำกัดของประเทศ หรือนี่คือหลุมในการร่วมจ่ายของประชาชนในการใช้ยา
4. การแก้กฎหมายให้แยกเงินเดือนของบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งดูเหมือนจะดีและทำให้บุคลากรสาธารณสุขไม่ต้องกังวล แต่ต้องยอมรับว่า จะเกิดปัญหาการกระจายบุคลากรที่เป็นธรรมต่อหน่วยบริการหรือโรงพยาบาล
5. การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการระบบหลักประกัน โดยเพิ่มสัดส่วนผู้ประกอบวิชาชีพมากขึ้นทั้งสองคณะ ทั้งที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ควรเพิ่มสัดส่วนผู้รับบริการให้มากขึ้น และคณะกรรมการควบคุมคุณภาพมาตรฐานบริการสาธารณสุข ควรมีสัดส่วนของกลุ่มผู้ป่วย ตัวแทนศูนย์มาตรา 50 (5)
ทั้งในหน่วยบริการและของประชาชน เพื่อให้การปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการทั้งสองคณะเป็นไปมีประสิทธิภาพ และเพิ่มอำนาจของประชาชนในการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
สุภัทรา นาคะผิว ตัวแทนกลุ่มรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวระหว่างการแถลงเพื่อแสดงจุดยืนของภาคประชาชน ว่า "คสช. อย่าหูเบา เชื่อในข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่อย่างนั้นการแก้กฎหมาย ที่คสช.ตั้งใจ อาจถูกสอดไส้ โดยคนที่มีเจตนาไม่ตรงไปตรงมา ขอให้ยกเลิกสิ่งที่ทำมา และเริ่มกระบวนการใหม่ ไปทำงานวิชาการก่อน ให้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ไม่ใช่มโนเอาเอง