เมื่อวันที่ 2-3 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สถาบันคีนันแห่งเอเซีย บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และมหาวิทยาลัยเครือข่ายกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ จัดงานครบรอบ 5 ปีโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี เพื่อเผยแพร่การจัดกิจกรรมการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนไทยอย่างมีประสิทธิภาพสู่สังคมและสาธารณะ
ดร. พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่า สสวท. ได้เข้าร่วมโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อจุดประกายความคิดให้เด็กและเยาวชนเกิดแรงบันดาลใจ และมีทัศนคติที่ดีในการทดลองวิทยาศาสตร์ที่สนุก และมีความสุข ด้วยบรรยากาศทดลองเสมือนอยู่ในห้องปฎิบัติการ ของมหาวิทยาลัย โดย สสวท. ได้นำกิจกรรมของโครงการมหาวิทยาลัยเด็กเข้าสู่โรงเรียนที่เป็นศูนย์โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ของ สสวท. ทั้งหมด จำนวน 20 ศูนย์ทั่วประเทศ รวมทั้งการจัดกิจกรรมอบรมครู นักวิชาการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กิจกรรมในโครงการมหาวิทยาลัยต่อยอดจากโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย
ความพิเศษของกิจกรรมมหาวิทยาลัยเด็กนั้น เน้นที่นักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลายจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น โดยมีรูปแบบแตกต่างจากค่ายวิทยาศาสตร์อื่น คือ เน้นให้เด็กได้ลงมือทำกิจกรรมต่างๆ เสมือนได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เป็นนักคิด นักวิจัย อยากศึกษาต่อทางด้านนี้ นอกจากนั้น นักเรียนได้ฝึกการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล แบบวิทยาศาสตร์และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่เชื่อหรือไม่งมงายอะไรง่ายๆ และจะกลับไปบอกกับผู้ปกครองถึงแนวความคิดนี้ได้ ซึ่งสอดคล้องกับเจตจำนงในการดำเนินงานของ สสวท. ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนได้ฝึกฝนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเป็นรากฐานในการต่อยอดการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น และในอนาคตเราจะมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาประเทศให้ก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 ซี่งเป็นยุคแห่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม
ปี พ.ศ. 2560 นี้ เป็นปีที่โครงการได้ดำเนินงานมาครบ 5 ปี สสวท. ในฐานะหน่วยงานหลักหน่วยงานหนึ่ง ถือเป็นเกียรติยศสูงสุด ที่ได้ดำเนินการตามแนวพระราชดำริ และจะร่วมมือดำเนินการผลักดันกับเครือข่ายอื่นๆ อย่างเข้มแข็งต่อไป
โดยภายในงานครบรอบ 5 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย นั้น สสวท. ได้นำกิจกรรมฝึกปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ "กล้องสอดแนมสุดเจ๋ง" ไปจัดภายในงาน เพื่อให้นักเรียนได้ลงมือประดิษฐ์กล้องตาเรือ โดยใช้ความรู้ทางด้านฟิสิกส์ด้วย
สสวท. เป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งนอกจากจะมีภารกิจหลักในการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีแล้ว แต่ สสวท. ได้มีอีกหนึ่งหน้าที่ คือการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์สำหรับใช้ในการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และยังได้รับสิทธิบัตรอีกมากมาย ซึ่ง กล้องตาเรือ เป็นผลงานสิ่งประดิษฐ์อีกหนึ่งอย่างของ สสวท. ที่ไม่ได้ใช้แค่ในห้องเรียน แต่ยังนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย
นางทวินันท์ แสงขัติยะ นักวิชาการฝ่ายโอลิมปิกวิชาการและพัฒนาอัจฉริยภาพ สสวท. อธิบายว่า กล้องเพอริสโคป หรือ กล้องปริทรรศน์ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กล้องตาเรือ นั้น เป็นเครื่องมือสำหรับการสังเกตสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในระดับสายตาของ ผู้มอง ซึ่งอาจมีสิ่งกีดขวางการมองเห็น และในอดีตมีการใช้กล้อง เพอริสโคปในยามสงคราม เพื่อสังเกตการณ์ศัตรูในสนามรบ มีการใช้ในขณะปีนป้อม กำแพง หรือประกอบกับรถยนต์หุ้มเกาะ เรือดำน้ำก็ได้ แต่ในชีวิตประจำวันบางครั้ง เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องมองอะไรที่ไม่อยู่ในระดับสายตา สสวท. จึงได้คิดค้นวิธีการประดิษฐ์กล้องเพอริสโคปแบบง่าย โดยใช้เพียงกระดาษแข็ง และกระจกเงา เท่านั้น
หลักการของกล้องชนิดนี้เกิดจากการสะท้อนแสง เมื่อแสงตกกระทบวัตถุ แสงจะสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตา โดยแสงตกกระทบที่กระจกซึ่งติดตั้งให้เอียงทำามุม 45 องศา แล้วจะสะท้อนทำามุม 90 องศา ไปตกกระทบกับกระจกอีกบานหนึ่งที่เอียงทำมุม 45 องศาในระดับสายตา และสะท้อนเข้าตาทำให้เรามองเห็นภาพวัตถุที่เหนือกว่าระดับสายตาได้ โดยมีทิศทางเดียวกับภาพจริง