
คปภ.ยังไม่สรรหา ศธจ.10 แห่งที่ว่างอยู่
คปภ.มีมติยังไม่สรรหา ศธจ.ตัวจริง 10 จังหวัดที่ว่างอยู่เหตุอยู่ในช่วงสรรหาผอ.สพท.107 ตำแหน่ง ไม่อนุมัติให้ครู สพฐ.ย้ายลงศธจ.รอบ 2 เพื่อไม่ให้กระทบการเรียนการสอน
จากการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค (คปภ.) ที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการสรรหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม มาเป็นศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) แทนตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ 10 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ราชบุรี สงขลา ตรัง ระยอง บึงกาฬ ศรีสะเกษ นครราชสีมา ลำปาง และนราธิวาส เนื่องจากบางจังหวัด ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองศึกษาธิการภาค (ศธภ.)
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติว่าจะยังไม่มีการสรรหา ศธจ.ทั้ง 10 จังหวัดในช่วงนี้ และมอบหมายให้ รองศธจ.แต่ละจังหวัด รักษาการแทนศธจ.ไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เพราะขณะนี้กำลังจะเข้าสู่กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) แทนตำแหน่งว่างที่มีอยู่ 107 ซึ่งจะเริ่มกระบวนการสรรหาแทนตำแหน่งว่างในเดือนมิถุนายนนี้ และคาดว่าจะสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม
ในส่วนการสรรหาผอ.สพท.จะเป็นไปในแนวทางเดียวกับ การสรรหา ศธจ.โดยจะลดการสอบข้อเขียนให้น้อยลง และประเมินจากวิสัยทัศน์ผลงานที่ผ่านมา ประวัติการทำงาน สอบสัมภาษณ์ โดยมี ปลัดศธ.เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา จากนั้นจะดำเนินการสรรหารองผู้อำนวยการสพท. ที่ว่างอยู่ 209 อัตรา ทั้งนี้ที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ. )ไปพิจารณาแนวทางปรับเปลี่ยนตำแหน่งรองผู้อำนวยการสพท. ตำแหน่งที่มีเงื่อนไข หรือรองผู้อำนวยการดอกจัน ทีมีอยู่กว่า 300 อัตรา เข้าสู่รองผู้อำนวยการสพท. ตำแหน่งโครงสร้างก่อน หากยังมีอัตราว่าง จึงจะเปิดรับสมัครผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการสรรหาต่อไป แต่หากสามารถปรับให้รองผู้อำนวยการสพท.ดอกจัน เข้าสู่รองผู้อำนวยการตำแหน่งโครงสร้างได้ครบ ก็อาจไม่จำเป็นต้องสรรหารองผู้อำนวยการสพท.
“ที่ประชุมยัง พิจารณาคุณสมบัติของประธานคณะอนุกรรมการศธจ. ทั้ง 3 ชุด คือ คณะอนุกรรมการบริหารงานบุคคล คณะอนุกรรมการบริหารราชการเชิงยุทธศาสตร์ และ คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ควรคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ใช่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ผอ.สพท. เพราะจะทำให้การทำงานมีความซ้ำซ้อน นอกจากนี้ ที่ประชุมยัง พิจารณา คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของศธ. ที่กำหนด แต่งตั้ง โอนหรือย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสพท. หรือผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งต่าง ๆ ในหน่วยงานของศธ.ในระดับภูมิภาคหรือจังหวัด ตามประเภทหรือระดับตำแหน่งที่ รมว.ศึกษาธิการ กำหนด เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งดังกล่าว ที่ประชุมจึงมีมติว่าให้คปภ. มีอำนาจโยกย้ายตำแหน่งต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อประโยชน์ทางราชการได้ เช่น กรณีผู้อำนวยการสถานศึกษา กระทำการทุจริต ให้ คปภ. มีมติในการสั่งย้ายมาช่วยราชการที่ส่วนกลาง สำนักงานศจธ. ศธภ. ได้ ซึ่งคำสั่งนี้สามารถใช้ได้ทั้งด้านบวกและลบ คือ กรณีที่ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยงานในพื้นที่ใดเป็นกรณีพิเศษ ก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าว จะไม่กระทบอำนาจตามปกติของหน่วยงานต่างๆ โดยคปภ.จะใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น “ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าว
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีมติไม่อนุมัติให้ครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขอย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงาน ศธจ.ในการเกลี่ยอัตรากำลังรอบสอง ซึ่งยังเหลือตำแหน่งว่างอีก 2,140 อัตรา เพื่อไม่ให้กระทบต่อการจัดการเรียนการสอน ในช่วงเปิดภาคเรียน