ไลฟ์สไตล์

ม.นเรศวร ดึง IPE เสริมหลักสูตรแพทย์7ดาว

ม.นเรศวร ดึง IPE เสริมหลักสูตรแพทย์7ดาว

11 มิ.ย. 2560

คณะแพทย์ ม.นเรศวร เดินหน้าปฏิรูปการสอน ดึงนวัตกรรมเรียนรู้สหวิชาชีพ “IPE” เสริมหลักสูตร “แพทย์ 7 ดาว” ชี้ลดขัดแย้ง-สร้างบัณฑิตสุขภาพคุณภาพ คาดเริ่มใช้ปี 62

       คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ร่วมกับ มูลนิธิพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพแห่งชาติ (ศสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) องค์การอนามัยโลก (WHO) และ เครือข่ายระบบสุขภาพระดับอำเภอ (DHS) เขตภาคเหนือตอนล่าง จัดงานสัมมนา "เชื่อมสถาบัน สานเครือข่าย DHS Academy สู่ศตวรรษที่ 21" ภายใต้ โครงการพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพในศตวรรษที่ 21 เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปบุคลากรด้านสุขภาพในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ตามแนวคิด เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning)

      รศ.นพ.ศิริเกษม ศิริลักษณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มน. กล่าวว่า ด้วยปณิธานที่ตั้งเป้าให้คณะแพทย์ มน.เป็นสถาบันทางการแพทย์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล โดยเน้นการทํางานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง จึงเห็นควรปฏิรูปการเรียนการสอนของทางคณะให้เป็นไปในแบบ Transformative Learning ที่นำการเรียนรู้แนวใหม่มาสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านทัศนคติรวมถึงวิธีลงมือปฏิบัติ ให้กับว่าที่บัณฑิตด้านสุขภาพและอาจารย์ผู้สอน

       ล่าสุดได้นำนวัตกรรมการเรียนรู้แบบสหวิชาชีพ หรือ (Interprofessional Education : IPE) ซึ่งเป็นหนึ่งในการเรียนรู้แบบ Transformative Learning มาเสริมหลักสูตรผลิตแพทย์ 7 ดาว ที่ประกอบด้วยคุณลักษณะ 1.Care Provider การแก้ไขปัญหาสุขภาพโดยการประยุกต์วิทยาศาสตร์การแพทย์แบบทักษะองค์รวม มาสร้างเสริมสุขภาพของผู้ป่วย 2.Decision Maker ตัดสินใจอย่างเป็นระบบ และเก็บเป็น ข้อมูล 3.Community Leader เป็นผู้จัดการและผู้นำชุมชนด้านสุขภาพ และทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่นในการแก้ไขปัญหาสุขภาพได้

ม.นเรศวร ดึง IPE เสริมหลักสูตรแพทย์7ดาว

        4.Life Long Learner แสวงหาความรู้ใหม่และศึกษาด้วยตนเองตลอดชีวิต 5.Manager บริหารจัดการตนเองและกิจกรรมหน้าที่ของตนเองด้วยความรับผิดชอบ 6.Communicator ใช้สื่อภาพ สัญลักษณ์ และทักษะทางภาษา เพื่อสื่อสารอย่างได้ผล 7.Humanistic doctor มีเจตคติที่ดีและปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามหลักเวชจริยศาสตร์และกฎหมาย และสามารถดำรงตนในฐานะแพทย์และสมาชิกในสังคมได้อย่างเหมาะสม โดยพัฒนามาจากหลักสูตรแพทย์ 5 ดาว (5 Star Doctor) ของ WHO เพราะเล็งเห็นว่ามีหลักคิดที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะในด้านการสร้างภาวะผู้นำในการปฏิบัติงานร่วมกัน การสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างวิชาชีพ รวมถึงการสื่อสาร ซึ่งจะเป็นกลไลช่วยผลิตบัณฑิตแพทย์และบัณฑิตด้านสุขภาพ ให้,uคุณลักษณะและสมรรถนะสอดรับกับความต้องการของทาง สธ. และสังคมไทยในอนาคต

      รศ.นพ.ศิริเกษม กล่าวต่ออีกว่า ส่วนรูปแบบการศึกษาแบบสหวิชาชีพ หรือ IPE เป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาด้านสุขภาพและสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น พยาบาล เภสัชศาสตร์ สหเวชศาสตร์ ฯลฯ เข้าเรียนรู้ร่วมกันในชั้นเรียน เพื่อลดปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างวิชาชีพเมื่อต้องปฏิบัติงานจริง และเชื่อมโยงการทำงานด้านสุขภาพให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อสังคมไทยที่ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักสูตรและทดลองใช้ เบื้องต้นได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และคาดกว่าจะเปิดใช้จริงในปี 2562

     “บัณฑิตแพทย์ที่จบไป หลักๆ มีความสามารถในการตรวจรักษา แต่สื่อสารไม่ค่อยเป็น ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ค่อยได้ ซึ่งหากคนที่มาเป็นหมอไม่สามารถสื่อสารกับคนไข้ได้ ไม่สามารถทำงานร่วมกับทีมเวิร์กได้ ทุกอย่างก็จบ ซึ่งหลักการเรียนรู้แบบ IPE จะเข้ามาช่วยเสริมในจุดนี้ ที่สำคัญยังส่งผลดีต่อตัวผู้ป่วย ที่บุคลากรด้านสุขภาพจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีทำงานร่วมกันเพื่อการรักษาอย่างดีที่สุด ต่างจากเดิมที่เป็นคำสั่งแบบ Top-Down แพทย์สั่งมาอย่างไรก็ต้องทำไปแบบนั้น ทั้งที่รู้ว่าผิดก็มี และเกิดเป็นกรณีฟ้องร้องเป็นคดีความระหว่างวิชาชีพ หรือฟ้องร้องระหว่างบุคลากรสุขภาพกับคนไข้ ซึ่งเคสดังกล่าวมีจำนวนมากในแต่ละปี และพบว่ามีอัตราเพิ่มมากขึ้นทุกปี” คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ระบุ

ม.นเรศวร ดึง IPE เสริมหลักสูตรแพทย์7ดาว

      ขณะที่ นพ.อภิสิทธิ์ ธำรงวรางกูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ในฐานะผู้เชี่ยวชาญการสร้างกลไกระบบเครือข่ายระบบสุขภาพระดับอำเภอ (DHS) กล่าวว่า การสร้างเครือข่าย DHS ให้กลายเป็นระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนของบุคคลากรทางด้านสาธารณสุข จากการสอนแพทย์ พยาบาล และสหวิชาชีพด้านสุขภาพในแบบแยกกันเรียน มาเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน โดยทางโรงพยาบาลอุบลรัตน์ได้เริ่มทำโครงการ IPE ร่วมมือกับโรงพยาบาลขอนแก่นและกระทรวงสาธารณสุข ที่ส่งแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวมาร่วมเรียนรู้เรื่องดังกล่าวไปพร้อมกับกลุ่มสหวิชาชีพด้านสุขภาพ อย่าง พยาบาล เภสัชกร รวมถึงนักศึกษาแพทย์ ซึ่งพื้นที่การเรียนรู้มีทั้งในโรงพยาบาลและลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชาวบ้าน ทั้งนี้ ยังมีโรงพยาบาลอื่นๆ นำแนวคิด IPE ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานด้วยเช่นกัน เช่น โรงพยาบาลน้ำพอง จ.ขอนแก่น โรงพยาบาลละงู จ.สตูล และโรงพยาบาลสารภี จ.เชียงใหม่

      ด้าน ศ.พญ.วณิชา ชื่นกองแก้ว เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะ ผู้จัดการโครงการพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพในศตวรรษที่ 21 กล่าวว่า บทเรียน IPE ที่ ศสช.จัดทำขึ้นนั้น มาจากการระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและคณะทำงานที่ศึกษาลงลึกในแต่ละวิชาชีพ ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติจริงในองค์กรกลุ่มเป้าหมาย และนำผลที่ได้มาปรับปรุงนำเสนอไว้เป็นแนวทางกลาง ขณะนี้ เหลือเพียงวิธีประเมินผลที่กำลังดำเนินการจัดทำ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย เพราะเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2553-2554 ในชื่อที่แตกต่างกันออกไป แต่ความหมายก็คือการบูรณาการการเรียนรู้ร่วมกันตั้งแต่สองวิชาชีพ เรียนได้ในทุกสถานการณ์ เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต “Learn as if you will live forever” อย่างไรก็ตาม ในอนาคตตั้งเป้าให้คณะและสาขาวิชาชีพอื่นๆ นอกจากด้านสุขภาพ เข้าร่วมเรียนในลักษณะนี้ด้วย