
ทำไมต้องเป็น "จรัส สุวรรณเวลา"
ทำไมถึงเลือกให้ ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส สุวรรณเวลา อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 7 ปี88 วัน มาเป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ทั้งๆที่อายุ 85 ปี
มีคำถามหลากหลายเกิดขึ้นว่าการปฎิรูปการศึกษาภายใต้คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา 25 คน ที่มี ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธานจะนำพาการศึกษาไทยเดินไปในทางไหน ทำไมถึงมีตัวแทนของภาคส่วนอดีตผู้บริหารสถาบันการศึกษาชื่อดัง ภาคธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศ ผู้บริหารโรงเรียนดังๆ
เหตุที่รัฐบาลเลือก ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส เข้าใจว่าเป็นเพราะ เคยเป็นอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วง 2 มกราคม2532–31 มีนาคม 2539 ต่อจาก ศ.ดร.เกษม สุวรรณกุล และหลังจากหมดวาระแล้ว อธิการบดีจุฬาฯมีชื่อว่า ศ.ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ ด้วยความที่เป็นผู้นำสถาบันการศึกษาเก่าแก่มีชื่อเป็นเหตุผลหนึ่่งที่ทำให้ต้องมาทำภาระกิจนี้ให้ลุล่วง
ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส เกิดที่ตำบลทับเที่ยงอำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เป็นบุตรจ้อง สุวรรณเวลา และแล่ม สุวรรณเวลา มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน สมรสกับศาสตราจารย์กิตติคุณแพทย์หญิงคุณหญิง นิตยา สุวรรณเวลา มีธิดา 2 คน คือ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง นิจศรี ชาญณรงค์ และอาจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร.ใจแจ่ม สุวรรณเวลา
สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 จากโรงเรียนวิเชียรมาตุจังหวัดตรัง และชั้นเตรียมอุดมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยสำเร็จเตรียมแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยได้รับเหรียญทองแดงคะแนนเยี่ยมปีที่ 1 และ 2 และปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์(ปัจจุบันคือคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ได้รับเหรียญทองแดงคะแนนเยี่ยมในการสอบและเหรียญทองคะแนนเยี่ยมตลอดหลักสูตร
รวมทั้งเหรียญทองแดงคะแนนเยี่ยมในวิชากายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา พยาธิวิทยา อายุรศาสตร์ และสูติ-นรีเวชวิทยา ได้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล แผนกแพทยศาสตร์เป็นคนแรก เพื่อไปศึกษาต่อวิชาประสาทศัลยศาสตร์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับปริญญา Master of Science จากมหาวิทยาลัยชิคาโกและ American Board of Neurological Surgery จาก Wake Forest University ได้รับเกียรติเป็นสมาชิกของ F.A.C.S. (Fellows of American College of Surgeons) และCongress of Neurological Surgeons
แถมยังมีต้นทุนที่มีในตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กรรมการสภากาชาดไทย กรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ประธานกรรมการนโยบายกองทุนสนับสนุนการวิจัย ประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาลประธานกรรมการพิจารณาทุนมูลนิธิอานันทมหิดล แผนกแพทยศาสตร์
ประธานอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ฝ่ายการแพทย์รองประธานศูนย์วิจัยศึกษาและบำบัดโรคมะเร็ง สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และ รองประธานมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์(สอวน.)อาจารย์พิเศษ หน่วยศัลยศาสตร์ประสาท ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รวมทั้งสภาวิจัยแห่งชาติได้ประกาศให้ เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประจำปี 2528 เนื่องจากผลงานการวิจัยปัญหาและอุบัติการของกระดูกศีรษะโหว่งบริเวณเหนือจมูก การปรับปรุงวิธีการผ่าตัดรักษา การสร้างเครื่องมือราคาถูกสำหรับใช้ผ่าตัด การริเริ่มศึกษามาตรฐานและดัชกะโหลกศีรษะของคนไทยเพื่อใช้เปรียบเทียบความผิดปรกติ การวิจัยปัญหายาเสพติดในกลุ่มชาวเขาด้วยการปลูกพืชทดแทนและพัฒนาอาชีพ และการศึกษาสุขภาพอนามัยของชาวชนบท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดงาน 80 ปีชาตกาล ศาสตราจารย์กิตติคุณ นพ.จรัส สุวรรณเวลา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ลูกศิษย์ลูกหาที่มาล้นหลามล้วนแต่มีชื่อและต้นทุนทั้งสิ้น
ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส เคยปาฐกถาในหัวข้อ “Education Influencing Future” ในการประชุมวิชาการ The 4th PSU Education Conference เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาในภาคใต้จำนวน 200 คน
โดยกล่าวว่า มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งปัญญาที่รวมเอาคุณธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนองภารกิจของการเป็นผู้ชี้นำสังคม แต่กำลังถูกกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งที่จะเกิดขึ้นแบบเหนือความคาดหมายในอีกหลายสิบปีข้างหน้า ดังนั้นอุดมศึกษาในอนาคตต้องมีการปรับเปลี่ยนทั้งความคิด กระบวนการ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เปรียบเหมือนกับพายุที่พัดเข้าทำลายหลายอย่างที่เคยคงอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราจะแปลงวิกฤติจากพายุนี้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร
แต่เดิมความรู้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกขาดโดยเจ้าของความรู้ แต่ปัจจุบันความรู้กลายเป็นสมบัติสาธารณะ และมีแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย บัณฑิตในอนาคตจะต้องมีสมรรถนะในการเข้าถึงและการนำมาใช้ มีความคล่องตัวในการปรับความคิด การสื่อสารอย่างมีศิลปะ การทำงานเป็นทีม และสมรรถนะในการตัดสินใจที่มีเหตุผล
ปัจจุบันการศึกษามีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม การจัดการ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หากแต่ความซับซ้อนของสังคม ความไม่ยั่งยืนของธรรมชาติ ความเหลื่อมล้ำในสังคม
รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของขององค์ประกอบต่างๆ ในอนาคต ทำให้เราไม่สามารถหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุดเพียงคำตอบเดียวจากการศึกษาปัจจุบันได้
อีกทั้งองค์ความรู้สำหรับบัณฑิตเพื่อการประกอบอาชีพในปัจจุบัน อาจไม่รองรับอาชีพในอนาคตสิ่งที่จะมามีผลกระทบทำให้การศึกษาเกิดการเปลี่ยนแปลง คือ การที่เกิดองค์ความรู้ขึ้นจำนวนมากและง่ายต่อการค้นคว้า แต่อาจล้าสมัยและสามารถเกิดองค์ความรู้ใหม่มาแทนอย่างรวดเร็ว
ทำให้บัณฑิตต้องหมั่นเข้าถึงความรู้อยู่เสมอแต่ต้องรู้จักแยะแยะข้อเท็จจริง ต้องมีความรู้ในศาสตร์หลายสาขาและเตรียมตัวสำหรับการก้าวสู่ประชาคมโลก มีความสามารถในการสร้างความเข้าใจ รู้จักนำความรู้ภาคทฤษฎีไปใช้ให้เกิดประสบการณ์และเกิดองค์ความรู้ใหม่
โดยในอนาคตจะเกิดการแข่งขันระหว่างสถาบันอุดมศึกษามากขึ้น ประชาชนจะมีความคาดหวังต่อบริการของมหาวิทยาลัยมากขึ้น เกิดความหลากหลายด้านอายุของผู้เรียนซึ่งทำให้วิธีการเรียนการสอนต้องมีความหลากหลายตามไปด้วย
“สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องเตรียมรับมือในอนาคต ต้องตระหนักว่านี่เป็นวิกฤติที่ทำให้เราก้าวเดินแบบวิธีการเดิมๆ ไม่ได้อีกแล้ว อาจต้องกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ในการจัดการเรียนการสอน การกำกับดูแลคุณภาพ การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ ความร่วมมือ การสร้างความสามารถในการแข่งขัน แต่ปัญหาใหญ่คือทำอย่างไรจึงทำให้การปรับเปลี่ยนเกิดขึ้นเท่านั้น” ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส กล่าว
สำหรับคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา 25 ราย ประกอบด้วย ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธานกรรมการ ส่วนกรรมการ 24 ราย ประกอบด้วย นางกอบกุล อาภากร ณ อยุธยา, นายไกรยส ภัทราวาท,รศ.จิรุฒน์ ศรีรัตนบัลก์,ผศ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ,รศ.ชัยยุทธ ปัญญสวัสดิ์สุทธิ์,นางชุตินาฏ วงศ์สุบรรณ,
รศ.ดารณี อุทัยรัตนกิจ,นายตวง อันทะไชย,รศ.ธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย,รศ.ทิศนา แขมมณี,รศ.นิรชา เรืองดารกานนท์,รศ.นภดล ร่มโพธิ์,นายปกรณ์ นิลประพันธ์,นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล,นางเพชรชุดา เกษประยูร,นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร,นางภัทรียา สุมะโน,ผศ.ยุวดี นาคะผดุงรัตน์,นางเรียม สิงห์ทร,ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์,นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร,รศ.ศิริเดช สุชีวะ,นายศุภชัย เจียรวนนท์ และนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล
มีหน้าที่ 1.ศึกษาและเสนอแนะต่อ ครม.เพื่อกำหนดนโยบาย แนวทางและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ให้สมกับวัยโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
2.ศึกษาและเสนอแนะกลไก และระบบการผลิต คัดกรองและพัฒนาผู้ปกรอบวิชาชีพครู และอาจารย์ให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริง ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถและประสิทธิภาพในการสอน รวมทั้งมีกลไกสร้างระบบคุณธรรม ในการบริหารงานบุคคลของผู้ประกอบวิชาชีพครู
3.ศึกษาและเสนอแนะแนวทาง หลักเกณฑ์และวิธีการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนทุกระดับ เพื่อให้ผู้เรียนๆ ได้ตามความถนัด 4.ศึกษาและเสนอแนะแนวทาง หลักเกณฑ์และวิธีการปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับการปฏิรูปการศึกษา โดยสอดคล้องกันทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่
5.ร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งกองทุน เพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการจัดการศึกษา เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพ และประสิทธิภาพครู 6.เรียกให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หรือแสดงความคิดเห็นประกอบการพิจารณา 7.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ตามที่มอบหมาย และ8.ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆตามที่ ครม.มอบหมาย ทั้งนี้ คณะกรรมการอิสระฯ มีวาระ 2 ปีเว้นแต่ ครม.จะมีมติเปลี่ยนแปลง
คงต้องรอดูว่า คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา 25 คน ภายใต้การนำ ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส สุวรรณเวลา ที่มากด้วยประสบการณ์จะนำพาการปฏิรูปการศึกษาไทยไปอย่างไร
ภาพจากhttp://www.cca.chula.ac.th/