
น้ำประปาปลอดสาร'ไตรฮาโลมีเทน' หุงข้าวได้!
น้ำประปาหุงข้าวได้ปลอดภัย พิสูจน์แล้ว ปลอดภัยจากสารไตรฮาโลมีเทน
ท่ามกลางยุคโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งทำให้ข่าวลวงถูกเผยแพร่และนำกลับมาพูดถึงอยู่เสมอ เพียงแค่เห็นตัวอักษรหรือรูปภาพแล้วส่งต่อในเวลาไม่ถึง 1 นาที ก็ทำให้ข่าวลวงแพร่กระจายไปไกล
หนึ่งในข่าวที่ทำให้ประชาชนสับสนกันอยู่เสมอคือ การนำน้ำประปามาหุงข้าว จะก่อให้เกิดสารไตรฮาโลมีเทน ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งที่ก่อมะเร็งหรือไม่ ซึ่งวิธีที่จะทำให้ได้รับความกระจ่างที่สุด ก็คือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่มีหลักฐานพิสูจน์ได้
เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ประสานความร่วมมือกับการประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ทำการทดลอง “การหุงข้าวด้วยน้ำประปา” โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในห้องทดลอง เพื่อตรวจวิเคราะห์สารไตรฮาโลมีเทน ทั้ง 5 แบบ ได้แก่ ในน้ำประปา ในข้าวสาร ในน้ำซาวข้าว ในน้ำหุงข้าว และในข้าวหุงสุก พบว่าในน้ำประปามีปริมาณสารไตรฮาโลมีเทน 70-73 ไมโครกรัม ส่วนในข้าวหุงสุกมีสารไตรฮาโลมีเทน 1.00-1.70 ไมโครกรัม รวมทั้งการวิเคราะห์ทุกตัวอย่างพบสารไตรฮาโลมีเทนไม่เกินมาตรฐานน้ำดื่มของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดให้ไม่เกิน 80 และ 100 ไมโครกรัมต่อลิตร ดังตารางต่อไปนี้
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม อธิบายว่า สารไตรฮาโลมีเทน เกิดจากปฏิกิริยาของคลอรีนกับสารอินทรีย์ที่มีอยู่ในธรรมชาติ ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลว่าหากนำน้ำประปาที่มีคลอรีนมาหุงข้าวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ สถาบันอาหารจึงได้ทำการทดลองนี้ โดยเก็บตัวอย่างนํ้าประปา และนำมาหุงข้าว 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง ข้าวเสาไห้ และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ชนิดละ 2 ตัวอย่าง รวม 8 ตัวอย่าง ผลการตรวจวิเคราะห์ทุกตัวอย่าง ผลปรากฏว่า ข้าวที่หุงจากน้ำประปาปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็ง ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการด้านอาหาร อุตสาหกรรมอาหาร และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนผู้บริโภคทุกคน
นายธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการ กปน. ระบุว่า กปน. มีการตรวจสอบเฝ้าระวังคุณภาพนํ้าตั้งแต่แหล่งนํ้าดิบ จนถึงระบบสูบส่งจ่ายถึงบ้านผู้ใช้น้ำในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พร้อมทั้งตรวจวิเคราะห์คุณภาพนํ้าในห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2005 โดยมีนักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบและควบคุมคุณภาพนํ้าตลอด 24 ชั่วโมง มีการเก็บตัวอย่างนํ้าประปาปีละ 3,000 ตัวอย่าง ในพื้นที่บริการของสำนักงานประปาสาขาทั้ง 18 สาขา มีค่าได้ตามเกณฑ์แนะนำขององค์การอนามัยโลกทุกประการ
ทั้งนี้ สารคลอรีนที่ กปน. ใช้ในการฆ่าเชื้อโรค มีปริมาณที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก กำหนดไว้ และยังเป็นสารที่ระเหยง่าย เมื่อทำการหุงข้าวและโดนความร้อนก็จะระเหยหมดไป จึงไม่มีปฏิกิริยากับน้ำประปามากนัก สำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นคลอรีน แนะนำว่าให้รองน้ำประปาตั้งทิ้งไว้ในภาชนะเปิดสักครึ่งชั่วโมง กลิ่นคลอรีนจะระเหยหมดไปเอง
ด้าน นางสุรัตนา บุญเพียรผล ผู้ช่วยผู้ว่าการ กปภ. กล่าวว่า สำหรับกระบวนการผลิตนํ้าประปาแม้ว่าในนํ้าดิบที่นำมาผลิตจะมีสารอินทรีย์ปะปนอยู่บ้าง แต่เมื่อเข้าสู่ระบบผลิตนํ้าประปาที่มีขั้นตอนการปรับปรุงคุณภาพนํ้าดิบ การตกตะกอน และการกรองแล้ว ปริมาณสารอินทรีย์จะถูกกำจัดออกไปได้มาก จึงเหลือมาทำปฏิกิริยากับคลอรีนในนํ้าน้อยมาก จากการที่ กปภ. ตอบข้อสงสัยของผู้ใช้น้ำใน 74 จังหวัด อยู่เป็นประจำเรื่องความปลอดภัยของน้ำประปา ความร่วมมือในการทดลองดังกล่าวทำให้คลายความสงสัย สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้น้ำว่าปลอดภัยต่อการอุปโภคและบริโภค
ยิ่งโลกโซเชียลมีเดียหมุนไปไวเท่าไร เราผู้บริโภคยิ่งต้องรู้ทันข้อมูลยิ่งขึ้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพน้ำประปา สามารถติดตามข้อมูลได้ใน “คลินิกน้ำสะอาด” ของ กปน. ที่ http://cwc.mwa.co.th หรือ โทร.สอบถามได้ที่ 1125