
กปน. จับมือ ท้องถิ่นนนท์ ขยายเขตน้ำประปา
กปน. จับมือ จ.นนทบุรี เดินหน้าขยายเขตบริการน้ำประปา ให้ทุกพื้นที่มีน้ำประปาใช้อย่างทั่วถึง
น้ำ เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะน้ำที่สะอาดถูกสุขอนามัย อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันน้ำประปาซึ่งเป็นน้ำที่มีคุณภาพเหมาะแก่การอุปโภคบริโภคจะเข้าถึงหลายพื้นที่แล้ว แต่ก็ยังมีบางชุมชนที่ยังเข้าไม่ถึง ทำให้ต้องพึ่งแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง หรือบ่อบาดาล ซึ่งอาจมีสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
การประปานครหลวง (กปน.) มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสเข้าถึงน้ำประปาที่สะอาดและมีคุณภาพ ตามเป้าหมายที่ 6 ของ “แผนการพัฒนาอย่างยั่งยืน” (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำให้ทุกคนเข้าถึงน้ำสะอาดอย่างเท่าเทียม โดยได้นำ “แผนน้ำประปาปลอดภัย” (Water Safety Plans) ขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2554 ด้วยการควบคุมพัฒนาระบบน้ำดิบ - ผลิต - จ่าย ให้มีคุณภาพมาตรฐาน นอกจากนี้ ยังเป็นการตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาล ด้านการสร้างความเสมอภาคและเท่าเทียม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย
จากเป้าหมายดังกล่าว กปน. จึงได้ริเริ่ม “โครงการขยายเขตบริการให้เต็มพื้นที่ทั่วชุมชนเมือง” เพื่อขยายเขตพื้นที่ให้บริการน้ำประปาไปยังชุมชนที่ยังไม่มีน้ำประปาใช้ โดยร่วมกับ กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสมุทรปราการและนนทบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการออกค่าใช้จ่ายฝ่ายละกึ่งหนึ่ง โดยทางท้องถิ่นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายร่วมกัน 50% และ กปน. ร่วมสมทบอีก 50% เพื่อวางท่อประปาไปยังพื้นที่ต่างๆ
โดยในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี กปน. กับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของจังหวัด ได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2556 กระทั่งปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ และสามารถจ่ายน้ำให้ประชาชนได้ใช้เป็นที่เรียบร้อย รวมเป็นระยะทางกว่า 221 กิโลเมตร ครอบคลุมผู้ใช้น้ำ 3,789 ครัวเรือน ด้วยงบประมาณ 281.56 ล้านบาท จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ยังเหลือแค่บางพื้นที่ที่น้ำประปายังเข้าไม่ถึง กปน. จึงยังคงเดินหน้าต่อเพื่อให้ครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด โดยเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กปน. กับจังหวัดนนทบุรี ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล 12 แห่ง และเทศบาลตำบล 2 แห่ง ได้แก่ อบต.ขุนศรี อบต.คลองขวาง อบต.คลองข่อย อบต.ทวีวัฒนา อบต.ไทรน้อย อบต.ไทรใหญ่ อบต.บางบัวทอง อบต.ราษฎร์นิยม อบต.ละหาร อบต.บางคูรัด อบต.บางแม่นาง อบต.บ้านใหม่ ทต.ไทรน้อย และ ทต.บางใหญ่ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการขยายเขตบริการน้ำประปาให้เต็มพื้นที่ทั่วชุมชนเมืองในจังหวัดนนทบุรี เพื่อวางท่อประปาเพิ่มขึ้น รวมระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร ด้วยวงเงินลงทุน 98.68 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนอีก 980 ครัวเรือน ได้มีน้ำประปาใช้
โครงการนี้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมากว่า 4 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง อีกทั้งประชาชนในจังหวัดนนทบุรีมีความพึงพอใจและให้การตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากเสียงสะท้อนที่บอกเล่าผ่านผู้นำในท้องถิ่นต่าง ๆ ดังนี้
นายกฤตพัส อัจฉริยะประสิทธิ์ รองนายก อบจ. นนทบุรี ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือกันว่า “ในจังหวัดนนทบุรี องค์กรส่วนท้องถิ่นบางแห่งมีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะให้บริการน้ำประปาได้อย่างทั่วถึง ทำให้ต้องพึ่งความร่วมมือจากทั้ง กปน. และ อบจ. ในการให้ความช่วยเหลือเรื่องงบประมาณ ซึ่งจากการดำเนินโครงการที่ผ่านมาตลอด 4 ปี ถือว่าสำเร็จลุล่วงด้วยดี ส่วนใหญ่ตามหมู่บ้านต่างๆ มีน้ำประปาใช้หมดแล้ว เหลืออีกไม่มากก็จะเต็มพื้นที่ หลังจากการลงนาม MOU ในครั้งนี้ ทาง อบจ. จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเหมือนที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่เกิน 2 - 3 ปี ทุกครัวเรือนในเขตจังหวัดนนทบุรีจะมีน้ำประปาใช้ครบทุกพื้นที่”
ด้าน นายคำรณ บางจริง นายก อบต. คลองข่อย พูดถึงความจำเป็นในการลงทุนร่วมกันว่า “ถ้าไม่มีการลงนาม MOU อบต. คงไม่มีงบประมาณมากพอที่จะทำระบบประปาได้ครอบคลุมทั้งหมด เพราะคลองข่อยเป็นพื้นที่ใหญ่ ถ้าจัดการเองต้องใช้งบประมาณหลายสิบล้าน การทำ MOU จึงส่งผลดีต่อชุมชนมาก” ส่วนเรื่องเสียงตอบรับ นายกฯ บอกว่า “ตั้งแต่ทำ MOU มาถือว่าประสบความสำเร็จเกือบเต็ม 100% ประชาชนพึงพอใจมาก เพราะจากการเข้าไปพูดคุยกับคนในพื้นที่ เขาบอกว่าชอบมาก เนื่องจากค่าน้ำถูกกว่ากันเยอะ แต่ก่อนลูกบาศก์เมตรละ 15 บาท ตอนนี้ใช้น้ำประปา ราคาถูกกว่าร่วมครึ่ง”
ส่วนนายก อบต. ไทรน้อย นายหยด เอี่ยมอาจ ได้กล่าวถึงปัญหาของระบบจ่ายน้ำในชุมชนว่า “ในตำบลมีบ่อน้ำบาดาลอยู่ 3 บ่อ แต่ต่อไปจะไม่ใช้แล้ว เพราะมีปัญหาเยอะ เช่น ท่อรั่ว น้ำไม่ไหล และดูแลได้ไม่ทั่วถึง อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูง เลยอยากให้ใช้น้ำประปามากกว่า” ซึ่งโครงการนี้สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี โดยเขาบอกว่า “จากการลงนาม MOU ที่ผ่านมา รวมครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 3 เข้าถึงพื้นที่แล้วกว่า 70% ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก จึงอยากให้มีการทำ MOU ขยายเขตบริการเรื่อย ๆ จนกว่าจะเต็มพื้นที่ตำบลไทรน้อย เพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำประปาของประชาชน ซึ่งถ้าน้ำประปาเข้าถึง ทาง อบต. ก็จะพยายามประชาสัมพันธ์ให้คนมาใช้กันให้เต็มร้อย เพราะน้ำประปาสะอาดและมีคุณภาพดีกว่า”
ขณะที่ตำบลไทรใหญ่ ชาวบ้านบางคนมีปัญหาด้านสุขภาพ เนื่องจากไม่มีน้ำสะอาดใช้ นายฉลวย ขันจำนงค์ นายก อบต. ไทรใหญ่ เล่าว่า “ตอนนี้ชาวบ้านเป็นนิ่วกันเยอะ ครอบครัวผมก็ยังเป็น เพราะปกติจะใช้น้ำบาดาลบ้าง น้ำคลองบ้าง ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา” ด้วยเหตุนี้ เขาจึงอยากให้ทุกพื้นที่ได้มีน้ำประปาใช้ ไม่เฉพาะในเขตอุตสาหกรรม “เนื่องจากตำบลไทรใหญ่เป็นพื้นที่อุตสาหกรรม ต้องใช้น้ำปริมาณมาก พื้นที่ที่เข้าถึงน้ำประปาส่วนใหญ่จึงเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงเป็นบางส่วน จึงอยากขยายให้เต็มทั้งตำบล เพื่อให้ประชาชนได้บริโภคน้ำประปาที่ใสสะอาด ซึ่งตอนนี้ดำเนินการเสร็จไปแล้วหนึ่งโครงการ ส่วนอีกโครงการกำลังดำเนินการอยู่ คาดว่าไม่เกิน 3 ปี ก็น่าจะครอบคลุมทุกพื้นที่”
เช่นเดียวกับตำบลราษฎร์นิยมที่ประสบปัญหาน้ำไม่สะอาดเช่นกัน โดย นายสมเกียรติ อุรีรักษ์ รองนายก อบต. ราษฎร์นิยมกล่าวว่า “ตำบลราษฎร์นิยมมีอยู่ 8 หมู่บ้าน ปัจจุบันมีน้ำประปาใช้ 5 หมู่บ้าน ยังเหลืออีก 3 หมู่บ้านที่ต้องใช้น้ำบาดาลซึ่งมีตะกอนและมีสีแดงปนเปื้อน ไม่เหมาะต่อการอุปโภคบริโภค อีกทั้งถังเก็บน้ำก็ค่อนข้างเก่า การซ่อมแซมท่อต่าง ๆ ทำได้ลำบาก และในช่วงหน้าแล้ง น้ำบาดาลไม่ขึ้นมา ทำให้น้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ หลังจากการลงนาม MOU ครั้งนี้ ทั้ง 8 หมู่บ้านก็จะมีน้ำประปาใช้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันทำให้เกิดการขยายพื้นที่ และทำให้ประชาชนเข้าถึงน้ำประปาที่สะอาดกันอย่างถ้วนหน้า”
จากเสียงสะท้อนในข้างต้น แสดงให้เห็นว่า โครงการขยายเขตฯ ประสบความสำเร็จและเห็นผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ทำให้หลายครัวเรือนมีน้ำดื่มน้ำใช้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ กปน. จึงยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการต่อไป เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้มีโอกาสใช้น้ำประปาที่สะอาดและมีคุณภาพอย่างทั่วถึง สมกับการเป็น “ประปาเพื่อประชาชน”