ไลฟ์สไตล์

ใครคือ "พระธรรมทูต"?

ใครคือ "พระธรรมทูต"?

10 พ.ค. 2560

แม้อินเดีย-เนปาลจะเป็นพื้นที่กำเนิดพุทธศาสนา แต่การที่พระธรรมทูตจากประเทศไทย จะย้อนกลับไปเผยแผ่ศาสนา ณ พุทธภูมิ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องเจอกับหลากหลายเหตุการณ์

       ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 วันวิสาขบูชา วันสำคัญทางพุทธศาสนา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ณ ชมพูทวีป ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ประเทศอินเดียและเนปาล สถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 3 เหตุการณ์ในสมัยพุทธกาล จึงเป็นเส้นทางแสวงบุญที่ชาวพุทธทั่วโลกมุ่งที่จะเดินทางไปสักการะสักครั้งในชีวิต ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล พุทธศาสนิกชนชาวไทยก็เช่นเดียวกัน โดยตลอดการเดินทางจะมีพระธรรมทูตไทยสายอินเดีย-เนปาล เป็นพระธรรมวิทยากร

ใครคือ \"พระธรรมทูต\"?

       “คม ชัด ลึก” มีโอกาสเดินทางไปกับกรมการศาสนาภายใต้โครงการส่งเสริมพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนไปประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล โดยการสนับสนุนของกองทุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ทำให้ได้รับรู้ว่าบางส่วนของชีวิต “พระธรรมทูตไทย” ที่เดินทางมาเผยแผ่พุทธศาสนาในแดนพุทธภูมิว่า “ไม่ใช่เรื่องง่าย” !

      พระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ในฐานะหัวหน้าพระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล แสดงสัมโมทนียกถาแก่คณะแสวงบุญตอนหนึ่งว่า ​การเดินทางของพระธรรมทูตมายังประเทศอินเดียและเนปาล เพื่อตอบแทนพระคุณของผู้สถาปนาพุทธศาสนา คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เดินทางมาด้วยแรงศรัทธา อาตมาและพระธรรมทูตสำนึกเสมอในพระพุทธเจ้า จึงมาเพื่อพบกับนาย ผู้ที่เราถวายร่างกาย เลือดเนื้อให้กับพระองค์อย่างไม่มีความร้อน ความหนาว ความหิวกระหาย เพราะที่ทำทั้งหมดยกให้พระพุทธศาสนา เมื่อพุทธศาสนิกชนเดินทางมากราบนายเรา พระธรรมทูตที่นี่ก็ต้องต้อนรับดูแลไม่ให้นายเสียหน้า เป็นเหมือนพ่อสื่อแม่สื่อที่ให้ได้เรียนรู้จากพุทธภูมิ ที่เปรียบเสมืิอน “ตู้คัมภีร์พระไตรปิฎก”

ใครคือ \"พระธรรมทูต\"?

           ด้วยสภาพถนนหนทางของประเทศอินเดีย การเดินทางจากสังเวชนียสถานแต่ละแห่งจึงใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ราว 7-9 ชั่วโมง และได้ฟังเรื่องราวส่วนหนึ่งของชีวิตพระธรรมทูตที่นี่ผ่านการบอกเล่าของ พระครูนิโครธบุญญากร หรือพระมหาน้อย เจ้าอาวาสวัดไทยนิโครธาราม สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ว่า บางครั้งพระธรรมทูตต้องยืนเพื่อบรรยายวันละ 6-7 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น โดยก่อนออกทำหน้าที่​ที่ศูนย์พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล จะให้พระธรรมทูตที่เดินทางมาจากประเทศไทยได้เข้าศึกษาในหลักสูตรพระธรรมทูตเชิงลึกในพุทธภูมิศึกษา ประมาณ 109 วัน  ซึ่งพระที่จะออกมาทำหน้าที่พระธรรมวิทยากรให้แก่พุทธศาสนิกชนที่มาแสวงบุญนั้น ไม่ได้เน้นที่ต้องมีความเก่งกาจสามารถมีวาทศิลป์ พูดพลิ้วเหมือนมะนาวกลิ้ง แต่ต้องมีฐานของการปฏิบัติธรรม ซึ่งพระธรรมโพธิวงศ์พยายามปลูกฝังพระธรรมทูตที่นี่ให้มีความมั่นคง เนื่องจากการที่จะหาพระมาอยู่ที่อินเดีย-เนปาลไม่ใช่หาง่าย 

       “แผ่นดินอินเดีย-เนปาลเป็นแผ่นเดินเกิดของพุทธศาสนาและเป็นแผ่นดินที่พระได้ทำหน้าที่ของความเป็นพระได้อย่างสมบูรณ์มากๆ หน้าที่พระคือออกประกาศพระศาสนา เป็นหน้าที่ที่ตรงไปตรงมาออกจากพระพุทธองค์โดยตรง ส่วนงานก่อสร้างก็ดี งานอย่างอื่นก็ดี เป็นงานภายหลังเมื่อมีพระมากขึ้น จึงมีการวางการปกครอง มีพุทธบัญญัติ ให้อานนท์ได้ออกแบบจีวรให้นุ่งห่มให้เรียบร้อยและให้ดูแลกันเวลาเจ็บไข้ไม่สบาย แต่งานหลักๆ คือออกประกาศพระศาสนา” พระมหาน้อยกล่าว  

ใครคือ \"พระธรรมทูต\"?

        พระมหาน้อย บอกว่า อยู่ที่นี่ก็พยายามให้ชาวต่างชาติได้รู้ว่าความเป็นไทยนั้นมีเอกลักษณ์เป็นอย่างไร ไปไหนต้องสังวรระวัง เพราะไม่ได้ไปเป็นการส่วนตัว พระธรรมโพธิวงศ์จะให้พระธรรมทูตไปไหนแบบต้องมีชาติ ศาสนาและสถาบันไปด้วย ต้องเผยแผ่ความดีงามของชาติ ของแผ่นดินของตนไปด้วย แน่นอนย่อมมีความเครียดช่วงที่พระเดินทางมาใหม่ๆ แต่จะหายไปเมื่อพระทั้งหลายได้มองเห็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่จะตามมา เหมือนกับพระที่มาประจำวัดไทยที่เป็นศูนย์อำนวยความสะดวกแก่ผู้แสวงบุญ ใหม่ๆ ทุกรูปจะหน้าดำคร่ำเครียดทั้งสิ้น ต้องหมั่นมาให้กำลังใจกัน ทำความเข้าใจว่าการเสียสละของเรานั้นมีประโยชน์ขนาดไหน ทำให้ผู้คนสะดวกสบายในการมาไหว้พระ

        บางเรื่องบางราวที่พระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาลได้พบเจอทำให้ได้รู้การเผยแผ่พุทธศาสนาในแดนพุทธภูมิ มิใช่จะใช้ชีิวิตอยู่ได้ง่ายๆ พระมหาน้อย เล่าว่า มีครั้งหนึ่งที่วัดไทยเชตวันมหาวิหาร  ขณะอยู่ระหว่างการก่อสร้างก็ได้มีการนำหญ้าแห้งต่างๆ มาวางกองไว้ แต่เนื่องจากประเทศอินเดียส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู จึงให้ความเคารพต่อโคเป็นอย่างมาก แต่ช่วงหนึ่งโคมากินหญ้าที่วัดไทยจำเป็นต้องใช้ พระท่านก็ขับไล่แต่ไม่ได้ทำร้ายใดๆ เกิดเป็นการบอกต่อในหมู่ชาวบ้านว่าพระไทยจะฆ่าโค จำเป็นที่จะต้องเข้ามาทำความเข้าใจซึ่งกันและกันว่าเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน 

ใครคือ \"พระธรรมทูต\"?

         หรือการก่อตั้งวัดใหม่ๆ ในบางพื้นที่เพื่อเป็นศูนย์อำนวยความสะดวก จะมีคณะผู้แสวงบุญมาแวะพัก และมีชาวบ้านในพื้นที่มารับบริจาคทานเป็นจำนวนมาก บางครั้งมีการกระทำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้ เช่น วิ่งกรูกันเข้ามารับทาน วัดไทยจึงได้ขึ้นป้ายเป็นภาษาไทยว่า ไม่ควรให้ทานแก่ชาวบ้าน  ทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าทำไมจึงไม่มีใครให้ทาน ก็ให้เพื่อนที่รู้ภาษาไทยแปลให้ว่าข้อความในป้ายหมายความว่าอย่างไร หลังจากนั้นไม่นานวัดดังกล่าวก็ถูกปล้นเอาเงินจากตู้รับบริจาค ก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร แต่หลังจากนั้นวัดก็ปลดป้ายนั้นออก 

        แม้กระทั่งการออกบิณฑบาต มีครั้งหนึ่งพระธรรมทูตมาใหม่ที่เข้ารับอบรมหลักสูตรพระธรรมทูตเชิงลึก ต้องการที่จะออกบิณฑบาต ซึ่งอาตมาก็เตือนว่าให้ฉันที่วัดจะดีกว่า แต่พระท่านก็ยังยืนยันที่จะออกบิณฑบาต เมื่อชาวบ้านรู้ว่ามีพระมาบิณฑบาตกฺ็รีบวางมือจากงานที่ทำอยู่คือการผลิตสินค้าโอท็อปของที่นี่ซึ่งเป็นการขยำขี้วัวแล้วนำมาตากสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง ความที่รีบมาหาข้าวให้พระที่บิณฑบาต โยมก็ไม่ทันได้ล้างมิือ ก็ใช้มือดังว่าหยิบข้าวใส่บาตรพระ เมื่อพระท่านบิณฑบาตมาแล้วก็ต้องฉันบ้าง 

ใครคือ \"พระธรรมทูต\"?

         ไม่เพียงแต่การเผยแผ่พุทธศาสนาผ่านการปฏิบัติเป็นแบบอย่างและถ่ายทอดให้แก่ผู้สนใจเข้ามาสอบถามหรือสนทนาธรรมแล้ว พระธรรมทูตสายพุทธภูมิยังดำเนินงานด้านบริการสังคมด้วย ดังเช่นที่ วัดไทยกุสินาราจะมีการกางเต็นท์ เปิดเป็นสถาานที่สอนหนังสือให้แก่เด็กๆ และชาวบ้านในพื้นที่ได้เข้ามาเรียนในทุกวันอาทิตย์ด้วย ขณะเดียวกันก็เปิดคลินิกรักษาพยาบาลฟรีให้แก่ชาวบ้าน โดยจะมีแพทย์ชาวไทยหมุนเวียนมาให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาแสวงบุญจำนวนมากในเดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกปี 

    แม้พุทธศาสนาจะก่อกำเนิดขึ้นในชมพูทวีป แต่การส่งพระธรรมทูตจากประเทศไทย หนึ่งในศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก ย้อนกลับไปเพื่อเผยแผ่ศาสนาพุทธ ณ แดนพุทธภูมิ กลับไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้พระได้ทำหน้าที่หลักของพระที่สมบูรณ์ 

0 พวงชมพู ประเสริฐ 0 

         "พระธรรมทูต" เป็นศาสนกิจที่สำคัญของคณะสงฆ์ไทยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2507 เพื่อนำหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาไปเผยแผ่แก่ประชาชน เป็นการปลูกฝังและพัฒนาจิตใจของประชาชนให้ยึดมั่นในหลักธรรม โดยยึดหลักปฏิบัติตามพระดำรัสที่พระพุทธองค์ประทานแก่พระสงฆ์สาวก 60 องค์ ในคราวส่งไปประกาศพระศาสนาครั้งแรกว่า เธอทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไป เพื่อประโยชน์สุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก ประโยชน์เกื้อกูลและความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นอุดมการณ์ของพระธรรมทูต

ที่มา:สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ