“ก่อนที่ผมจะเล่นฟุตบอลผมก็ฝันว่าผมอยากเป็นทหาร เพราะว่ามันเท่ดีตอนเด็กๆคิดอย่างนี้ แต่พอได้เล่นฟุตบอลก็ทำให้ผมสนุก ทำให้ผมได้เจอเพื่อน มันมีความสุข มันเหมือนการเปิดโลกกว้างของตัวเองว่าทำให้ได้เจอคนหลายๆคน ก็ใฝ่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อยากมีโอกาสได้รับใช้ชาติ ก็มันเป็นสิ่งที่น่าจะสูงสุดแล้ว มันเป็นฝันของคนที่เป็นนักฟุตบอล คือได้รับใช้ชาติ ถ้าสมมุติติดทีมชาติ เราก็เป็นทหารคนหนึ่ง ของประเทศที่ช่วยทำให้ทีมชาติได้ประสบความสำเร็จได้ ”
คำกล่าวข้างตนของไอซ์ หรือ ธีรภัทร ปรางทอง ตัวแทนเยาวชนไทยในโครงการ "อลิอันซ์ จูเนียร์ ฟุตบอล แคมป์( AJFC) " ประจำปี 2016 และเยาวชนในทีมฟุตบอล ตำแหน่งผู้รักษาประตูในทีมชลบุรีเอฟซี เปิดเผยถึงความรู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นนักบอลมืออาชีพ ที่ครั้งหนึ่งได้ร่วมไปฝึกทักษะลูกหนังที่สนามอลิอันซ์ อารีนา ของทีม “เสือใต้” หรือบาเยิร์น มิวนิค เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยการสนับสนุนของบมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต โดยไอซ์และเพื่อนอีก 4 คนเป็นเยาวชนรุ่นที่ 6 ที่ได้ไปเยือนแดนเสือใต้
ไอซ์ หรือ ธีรภัทร ปรางทอง
นับเป็นปีที่7 แล้วที่โครงการดีๆสนับสนุนเยาวชนชายซึ่งมีทักษะด้านฟุตบอลมีโอกาสพัฒนาฝีมือร่วมฝึกซ้อมกับนักเตะระดับโลก ในฐานะที่เป็นเยาวชนซึ่งมีประสบการณ์ด้านดังกล่าว “ไอซ์” ฝากถึงรุ่นน้องที่จะเข้ามาในวงการฟุตบอลว่า สิ่งสำคัญหรือหัวใจของการเป็นนักกีฬา เรื่องนี้ต้องมาเป็นอันดับ1 ส่วนตัวเชื่อว่าถ้าใจมันรัก สามารถทำอะไรได้โดยที่ไม่ต้องคำนึงว่าจะเหนื่อยหรือไม่ จะท้อหรือเปล่า ถ้ารักในการทำสิ่งใดแล้ว จะสามารถทำในสิ่งนั้นได้เสมอไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวางกั้นพียงใดก็ตาม
“อยากขอบคุณอลิอันซ์ ที่ให้โอกาสพวกเราได้ทำตามฝัน และฝากน้องๆทุกคนด้วยว่าหากจะเดินสายนี้ไม่ใช่แค่ความเก่งเท่านั้นแต่ต้องมีน้ำใจด้วย การเล่นฟุตบอลต้องมีจริยธรรม เล่นในเกมหนัก มันต้องมีการประทะอยู่แล้ว อยากให้น้องรุ่นใหม่มาเล่นแฟร์เพลย์ครับ เราต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ เพราะว่าในอนาคตมันเป็นอาชีพของเรา อย่างเรื่องความขัดแย้งในสนามฟุตบอลที่มีนั้น ผมว่าส่วนหนึ่งเกิดจากความไร้วินัย จริงๆแล้วผมว่าอยู่ที่ตัวของเราเอง ว่าเราจะปฏิบัติอย่างไรในสนาม ต่อหน้าที่มีคนเยอะๆ ก็ควบคุมอารมณ์ สำคัญที่สุดสำหรับนักฟุตบอล เพราะว่าถ้า วู่วามมันก็เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของตัวเราเอง ”ไอซ์ กล่าว
ในปี 2017 นี้โครงการ "อลิอันซ์ จูเนียร์ ฟุตบอล แคมป์" ขยายโอกาสไปนอกรั้วโรงเรียนมากขึ้น จากเดิมที่มีการสรรหาแค่ในสถานศึกษา ก็เปลี่ยนแนวคิดมาเพิ่มโอกาสเยาวชนที่อยู่นอกระบบบ้าง
น.ส.พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ฯ กล่าวในการประธานแถลงข่าวสานฝันเด็กไทยในโครงการ ฯ ว่า ปีนี้เป็นปีที่7 ของโครงการ AJFC ทางทีมผู้จัดได้นำแนวคิด "คว้าโอกาส" เพื่อเปิดกว้างรับสมัครเยาวชนอายุระหว่าง 14-16 ปี จากทั่วประเทศ แบ่งโซนคัดเลือกเป็น 8 โซน ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พิษณุโลก สระบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา จันทบุรี และพัทลุง เข้าทดสอบสมรรถภาพและทักษะฟุตบอล แล้วคัดเหลือโซนละ 5 คน รวม 40 คน เข้าร่วมBangkok Camp รอบคัดเลือกที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน โดยใน 40 คนนี้จะถูกคัดเลือกจากคณะกรรมการแข่งขันมา 8 คน รวมกับอีก 1 คนที่ได้รับผลโหวตสูงสุดจากผู้ชมทั่วประเทศผ่านทางออนไลน์ ทั้งหมดรวม 9 คน เพื่อเข้าร่วม โครงการ ฯ ระดับเอเชีย เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นเฟ้นหา 4 สุดยอดนักเตะเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมกับเยาวชนจากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจัดโดยกลุ่มอลิอันซ์ ณ สนามอลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี
น.ส.พัชรา ทวีชัยวัฒนะ
อนึ่งสำหรับเยาวชนที่สนใจ สามารถเดินทางมาสมัครด้วยตนเอง ณ สนามที่จัดขึ้นในแต่ละโซน โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและลงชื่อไว้ก่อนได้ที่ www.footballforlifethailand.com สำหรับสิ่งที่นักฟุตบอลเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับ ได้แก่ ทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท เมื่อผ่านการคัดเลือกรอบแรก (40 คน) และทุนการศึกษา จำนวน 10,000 บาท เมื่อได้รับคัดเลือกสู่ โครงการ "อลิอันซ์ จูเนียร์ ฟุตบอล แคมป์" (9 คน) รวมถึงโอกาสได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยไปสัมผัสสุดยอดประสบการณ์ พร้อมฝึกทักษะการเล่นฟุตบอลกับโค้ชและนักฟุตบอลระดับโลกกับทีมบาเยิร์น มิวนิค กับ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ "อลิอันซ์ จูเนียร์ ฟุตบอล แคมป์" ระดับเอเชีย ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม2560 และโครงการ "อลิอันซ์ จูเนียร์ ฟุตบอล แคมป์" ประจำปี 2560 ณ สนามอลิอันซ์ อารีน่า ประเทศเยอรมนี ในช่วงเดือนสิงหาคม 2560
ขณะที่ " โค้ชหนุ่ย" เฉลิมวุฒิ สง่าพล อดีตกุนซือทีมชาติไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกเยาวชน กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการคัดเลือกในรอบแรกคณะกรรมการจะทดสอบสมรรถภาพร่างกายและทักษะพื้นฐานการเล่นฟุตบอลตามตำแหน่งที่ผู้สมัครถนัด อาทิ ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า และทดสอบทักษะการเลี้ยง ส่ง โหม่ง ยิง เพื่อคัดเลือกผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในแต่ละตำแหน่ง รวม 5 คนต่อเขตการแข่งขัน ได้แก่ ผู้รักษาประตู 1 คน กองหลัง 1 คน กองกลาง 1 คน และกองหน้า 2 คน ต่อ 1โซนการแข่งขัน ส่วนขั้นตอนการคัดเลือกรอบสุดท้าย
" โค้ชหนุ่ย" เฉลิมวุฒิ สง่าพล อดีตกุนซือทีมชาติไทย
กิจกรรมนี้นอกจากจะเป็นมีเป้าหมายสำคัญคือ การคัดเลือกเยาวชนที่มีฝีเท้าโดดเด่นแล้ว คณะกรรมการยังจะเน้นการอบรมและทดสอบใน 6 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านเทคนิค จะดูการเล่นฟุตบอลในแต่ละตำแหน่ง การเข้าใจเกมในสนามฟุตบอล ด้านร่างกาย จะมีการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ด้านจิตวิทยา จะพิจารณาที่ความประพฤติ ความมุ่งมั่นในการเล่นฟุตบอลขณะที่ในส่วนของนันทนาการ จะมีการละลายพฤติกรรม การอยู่ร่วมกับคนอื่น การทำงานเป็นทีม ซึ่งจะมีการสอบภาคทฤษฎี โดยมุ่งเน้นในหลักโภชนาการที่ถูกต้องและแนวทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ส่วนภาคปฏิบัติ จะให้เยาวชนที่ผ่านเข้ารอบเล่นเป็นทีมตามกฎกติกามารยาทจริง
“แต่ในส่วนตัวผมหนักใจในเรื่อง หนักใจสภาพจิตใจตัวเองเท่านั้นที่จะต้องเห็นเด็กที่ได้รับโอกาสครั้งนี้ ที่เข้ามาเปิดโอกาสให้กับตัวเอง แล้วก็อาจจะยังไม่ได้รับโอกาส ในบางส่วนที่ในเรื่องจิตใจ เราอาจที่จะมีความรู้สึกว่า สงสาร แต่จริงๆแล้ว ก็เป็นการฝึก เมื่อทุกคนได้รับโอกาสแล้ว ทุกคนได้เล่นได้แข่งขันแล้ว คุณต้องรู้แพ้ รู้ชนะ และข้อสำคัญคือ ตรงนี้จะนำไปสู่ความมีน้ำใจนักกีฬา ถ้าคุณรู้แพ้ รู้ชนะ แล้วก็รู้อภัย” เฉลิมวุฒิ กล่าว
สำหรับเยาวชนผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.footballForLifeThailand.com