ไลฟ์สไตล์

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

26 เม.ย. 2560

พ.ต.สิทธิศักดิ์ ศรีนวลดี ครูฝึกฉุดชักราชรถ บอกว่า ตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุดถวายพระเกียรติสูงสุด เท่าที่ทำได้คราวนี้เป็นโอกาสที่ได้ถวายงานก็จะทำอย่างสุดความสามารถ

 

         เพื่อให้ริ้วขบวนพระอิสริยยศ อัญเชิญพระบรมศพ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช สง่างาม สมพระเกียรติ และเพื่อเป็นตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ 

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

        กรมสรรพวุธทหารบก โดยโรงเรียนทหารสรรพวุธ กรมสรรพวุธทหารบก เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบในริ้วขบวนอิสริยศที่ 2 รับหน้าที่อัญเชิญพระโกศทองใหญ่ จากพระยานมาศสามลำคานจากริ้วขบวนที่ตรงบริเวณหน้าวัดพระเชตุพนไปยังพระเมรุมาศ  มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งต้อง  ใช้พลฉุดชักรวม 329 นาย แบ่งเป็น พลฉุดชักราชรถน้อยหรือราชรถพระนำ 78 นาย  พลฉุดชักพระมหาพิชัยราชรถ 221 นาย กำลังพลเสริม 30 นาย

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

    เช่นนี้ พลฉุดชักราชรถ มีความสำคัญและจำเป็นต้องได้รับการฝีกซ้อม ให้สามารถปฏิบัติตามท่าฝึกต่างๆได้อย่างถูกต้อง แข็งแรง และพร้อมเพรียง เป็นภารกิจที่ต้องอาศัยความร่วมแรง ร่วมใจ ความเสียสละ โดยทหารทุกนายจะต้องสำรวม ยืนก้มหน้า สงบนิ่ง

      ดังนั้น เพื่อเตรียมพร้อมทางโรงเรียนทหารกรมสรรพาวุธ ได้มีการฝึกครูฝึกพลฉุดชักราชรถ ให้สามารถปฏิบัติท่าทางได้อย่างถูกต้อง เพื่อนำความรู้ไปถ่ายทอดต่อไปยังทหารที่ผ่านการคัดเลือกเป็นพลฉุดชัก ที่กำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือก ซึ่งวางแผนฝึกซ้อมเป็นเวลา 2 สัปดาห์

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

  พ.ต.สิทธิศักดิ์ ศรีนวลดี 

       สำหรับท่าฉุดชักราชรถ ประกอบด้วย 1.ท่าตรง 2.ท่าพัก 3.ท่าหันอยู่กับที่ 4.ท่าถวายบังคม 5.ท่าหยิบเชือกและวางเชือก 6.ท่าเดินปกติและหยุด 7.เดินตามจังหวะเพลงพญาโศกลอยลมและหยุด โดยหัวหน้าครูฝึกพลฉุดชักราชรถ พ.ต.สิทธิศักดิ์ ศรีนวลดี ประจำตำแหน่งธุรการและกำลังพล สังกัดกองโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์สายสรรพาวุธ (กรสย.) ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพวุธ (ศซส.) กรมสรรพาวุธทหารบก บอกว่า ในครั้งนี้มีครูฝึกทั้งสิ้น 20 นาย เมื่อสิ้นสุดการฝึก ครูฝึกพลฉุกชักจะลงไปฝึกพลทหารที่ผ่านการคัดเลือกเป็นพลฉุดชัก ซึ่งคุณสมบัติคือสูงไม่ต่ำกว่า 170 เซ็นติเมตร อายุไม่เกิน 48 ปีและไม่มีโรคประจำตัว ต้องรับน้ำหนักพระมหาพิชัยราชรถ ที่มีน้ำหนักถึง 14 ตัน

 

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

     ทั้งนี้ ครูฝึกส่วนใหญ่เป็นครูฝึกทหารและเคยผ่านงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ มาแล้ว ซึ่งในส่วนของผมเอง เคยร่วมเป็นพลฉุดชักในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เมื่อปี 2528

        จากนั้นมีโอกาสเป็นครูฝึกสมัยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ปี2539 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ปี2551  สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ และเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เมื่อปี2555 มาแล้ว ถือว่ามีประสบการณ์ ความสามารถ

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

    กว่าจะมาเป็นหัวหน้าครูฝึกพลฉุดชัก พ.ต.สิทธิศักดิ์ เล่าด้วยว่า ส่วนตัวก็เคยมีประสบการณ์เป็นพลฉุดชักในพระราชพิธีเมื่อครั้งพระนางเจ้ารำไพพรรณี พ.ศ.2528 จากนั้นเริ่มมาเป็นผู้ช่วยครูฝึก มาเป็นครูฝึกในปัจจุบันรับหน้าที่ฝึกซ้อมพลฉุดชัก และมีหน้าในการกำกับดูภาพรวมริ้วขบวน แก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช ตนก็จะคอยดูแลภาพรวมให้ริ้วขบวนสวยงาม สมพระเกียรติ ที่สุด 

       “ทุกครั้งที่ถูกเรียกขึ้นมาให้ทำหน้าที่ฝึกซ้อม ต้องบอกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำแต่ใจไม่อยากทำ เพราะนั่นหมายถึงเรากำลังพบกับการสูญเสีย โดยเฉพาะครั้งนี้เป็นความสูญเสียที่เประชาชนโศกเศร้าทั้งประเทศ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด ผมตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด ถวายพระเกียรติสูงสุด เท่าที่เราจะทำได้ เพราะเมื่อครั้งพระองค์ท่านมีพระชนม์ชีพ ผมเป็นทหารตัวเล็กไม่มีโอกาสใกล้ชิดมากนัก ทำได้เพียงติดตามพระราชกรณียกิจ และคำสอนมาประยุกต์ใช้ คราวนี้เป็นโอกาสที่จะได้ถวายงานก็จะทำอย่างสุดความสามารถ”พ.ต.สิทธิศักดิ์ กล่าว

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

ร.ต.อนันต์ รู้รอบดี

       ด้านครูผู้ฝึกสอน ร.ต.อนันต์ รู้รอบดี ผู้ช่วยหัวหน้าครูฝึกพลฉุดชักราชรถ สังกัดโรงเรียนทหารสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธ เล่าว่า ที่ผ่านมาเคยได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลฉุดชักในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพมาแล้วถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราช สุดา สิริโสภาพัณณวดี และสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก โอกาสนี้ได้รับคัดเลือกมาเป็นครูฝึก ก็รู้สึกภูมิใจและมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อถวายงานให้แก่พระองค์ท่าน 

    “งานพระราชพิธีครั้งนี้สำหรับผม ใจ สำคัญที่สุด ครั้งนี้แม้จะไม่ร่วมในริ้วขบวนแต่ตั้งใจจะถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ที่มี ให้แก่กำลังพลทุกคนที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาเป็นพลฉุดชัก ซึ่งจะมีการฝึกซ้อมเหมือนจริงทุกอย่าง ดังนั้น จะให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมร่างกายให้สมบูรณ์เพื่อพร้อมในการปฏิบัติงาน ส่วนที่หลายคนอาจจะมองว่าช่วงนี้อากาศจะร้อน แต่จากประสบการณ์ไอร้อนจากแดดไม่ได้ทำให้เรารู้สึกร้อน เพราะใจของเรามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อพระองค์”ร.ต.อนันต์ กล่าว

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

     จากอดีตพลฉุดชักสู่การเป็นครูฝึกพลฉุดชัก จ.ส.อ.พงษ์ศักดิ์ ด่วนศรี สังกัดโรงเรียนทหารสรรพวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก เล่าว่า ที่ผ่านมาเคยได้รับหน้าที่เป็นพลฉุดชัก ในริ้วขบวนพระราชพิธีพระราชทานเพลิงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในครั้งนั้นการฝึกซ้อมก็จะเหมือนจริง โดยครูฝึกจะเรียกซ้อมตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็น ฝึกกลางแจ้ง ซึ่งครูฝึกก็จะฝึกแต่ละท่าซ้ำๆจนมีความชำนาญและพร้อมเพรียง เข้มแข็ง ซึ่งสมัยก่อนแดดอาจจะไม่แรงเท่าครั้งนี้ แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคเพราะทำด้วยใจ

เปิดใจ “ครูฝึกฉุดชักราชรถ” 

จ.ส.อ.พงษ์ศักดิ์ ด่วนศรี 

   “ มาวันนี้จากที่เป็นพลฉุดชัก และได้รับคัดเลือกให้มาเป็นครูฝึกพลฉุดชัก รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก ตั้งใจจะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างสุดความสามารถเพื่อถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชครั้งสุดท้าย”จ.ส.อ.พงษ์ศักดิ์ กล่าวย้ำ