ยันสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯมีสภาพการเงินคล่องตัว และไม่เกี่ยวข้องใดๆกับกรณีนายสวัสดิ์และผู้เสียหาย
ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีออกหมายจับอดีตประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ ว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีผู้ซักถามเกี่ยวกับข่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ กรณีนายสวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงประชาชนนั้น ในนามผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รู้สึกเห็นใจเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ และข้อให้ข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
1. นายสวัสดิ์ แสงบางปลา เป็นอดีตอาจารย์ของมหาวิทยาลัยที่เกษียณอายุไปแล้วกว่า 19 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 และในอดีตเคยเป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาฯ
2.สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ เป็นองค์กรที่มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 มีการดำเนินงานและบริหารจัดการที่เป็นอิสระ ภายใต้การควบคุมการดำเนินงานโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ และการตรวจสอบบัญชีโดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะไปกำกับดุแลการดำเนินการของสหกรณ์ฯ
อย่างไรก็ตาม การกระทำที่เป็นเหตุให้ออกหมายจับครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของบุคคล โดยอาศัยความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้เสียหายแต่ละราย ซึ่งจุฬาฯ ของแสดงความเห็นใจต่อผู้ได้รับผลกระทบครั้งนี้อีกครั้ง
รวมทั้งขอแสดงจุดยืนที่จะต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ และพร้อมที่จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการดำเนินคดีและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายซ้ำรอยในอนาคตต่อไป
ด้านผศ.ดร.จุมพล พูลภัทรชีวิน ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ ทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯเลย
โดยเป็นเรื่องธุรรรมการเงินส่วนตัวระหว่างนายสวัสดิ์ กับผู้เสียหาย ที่มีการกล่าวอ้างว่าไปลงทุนในสหกรณ์ลอตเตอรี่ แต่บุคคลทั้งหมดเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ และทางสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯก็เห็นใจผู้เสียหายมาก
เนื่องจากส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สูงอายุแล้ว ดังนั้นสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ จึงเข้ามาช่วยเหลือผู้เสียหาย เช่น ช่วยหาทนายความ และนักกฏหมาย เพื่อมาให้คำแนะนำแก่ผู้เสียหายว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นต้นว่า ช่วยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มารับแจ้งความ ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ แทนที่จะต้องเดินทางไปที่กองปราบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิก
และผ่อนผันการชำระหนี้และระยะเวลาคืนสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ เป็นรายกรณี ตามที่ระเบียบของสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ ได้กำหนดไว้ เพราะผู้เสียหายบางรายได้ถอนเงินฝากจากสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ และยังกู้ยืมเงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ เพื่อนำไปซื้อลงทุนในสหกรณ์ลอตเตอรี่ที่นายสวัสดิ์อ้างถึงด้วย จึงทำให้ไม่มีเงินฝากและยังเป็นหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯอีก
นอกจากนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ กำลังดำเนินการขอให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ โดยตรงขอยกเว้นการชำระหนี้ในช่วยนี้ก่อน เป็นรายบุคคล เพราะบางคนเป็นหนี้เป็นล้าน และหลายสิบล้าน
“ยืนยันว่าขณะนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ ยังคงมีสถานภาพทางการเงินดีและคล่องตัว อีกทั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่เป็นข่าวแต่อย่างใด จะมีเพียงแค่ช่วงที่เกิดเรื่องขึ้นนั้นนายสวัสดิ์ เป็นประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ และผู้เสียหายเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬา ฯ เท่านั้น อย่างไรก็ตามทุกคนเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ” ผศ.ดร.จุมพล กล่าว
ในส่วนกรณีที่ผ่านมา ทางสหกรณ์จุฬาฯ เคยนำเงินไปปล่อยกู้ และนำเงินไปฝากกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งขณะนี้ ทางสหกรณ์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นหนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาฯ จำนวนเงิน 1,431 ล้านบาท
และที่ผ่านมา ทางสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้เข้ากองทุนฟื้นฟูตามนโยบายรัฐบาล จึงได้มีการผ่อนเงินให้แก่ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาฯ ทั้งต้นและดอกเบี้ย ประมาณ 9-10 ล้านบาทต่อเดือน คาดว่าจะหมดหนี้ภายใน 10 ปี
ขณะเดียวกัน ทางสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น การนำโฉนดที่ดินมาค้ำประกันกับทางสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาฯ ด้วย และเท่าที่ประเมินราคา มากกว่าเงินที่ทางสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นหนี้
ดังนั้น ทางสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาฯ อาจนำโฉนดที่ดิน ขายทอดตลาด และเมื่อได้เงินมา จะหักในส่วนของที่เป็นหนี้ ส่วนที่เหลืออาจนำเงินไปให้แก่บริษัทเจ้าหนี้ อื่นๆ ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ส่วนเรื่อง กรณีว่าของนายสวัสดิ์ เท่าที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง