ไลฟ์สไตล์

อยู่ให้“สุข”ถ้าเลือก“สันโดษ”

อยู่ให้“สุข”ถ้าเลือก“สันโดษ”

13 เม.ย. 2560

ต้องมองเรื่องตัวเองปัจจุบัน และอนาคตให้ดี ทุกวันนี้ต้องเลือกอะไรที่ทำแล้วมีความสุข พร้อมกับรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วย

    ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2550-2558 พบว่า คนที่อยู่ “คนเดียว” หรือครัวเรือนที่มีสมาชิกคนเดียว (One-person Household) ของไทยมีจำนวนสูงขึ้นเกือบ 2 เท่า จากประมาณ 2 ล้านคน ในปี 2550 เพิ่มเป็นประมาณ 3.8 ล้านคน ในปี 2558 ตัวเลขนี้สะท้อนอะไรได้บ้าง อีกทั้งมีปัจจัยอะไรที่ทำให้พวกเขาหรือเธอเลือกที่จะอยู่เพียงลำพัง และหากตัดสินใจแล้วจะมีผลอย่างไรในภาพรวม...เลือกโดดเดี่ยวแล้วมีความสุข (ได้) จริงหรือ!!?? 

อยู่ให้“สุข”ถ้าเลือก“สันโดษ”

     ก่อนอื่นลองไปฟังมุมมองของคนทั่วไปว่าคิดเห็นอย่างไร...สำหรับสาวกลัวโสดและไม่สนับสนุนการอยู่คนเดียว เพราะส่วนตัวมีหนุ่มที่พร้อมจะสละโสดด้วยแล้ว “แอ้ม” ปวีณลักษณ์ ลิมปิชาติ บอกว่า คนชอบอยู่คนเดียวอาจจะชอบชีวิตอิสระมากๆ หนึ่งปัจจัยสำคัญอาจเกิดจากการเลี้ยงดูมาด้วย บางคนติดเพื่อนมากจนไม่ต้องการใครมาอยู่เคียงข้าง หรืออาจมีปัญหาการเข้าสังคม สำหรับคนที่เข้มแข็งคงไม่เป็นปัญหา แต่หากสุขภาพกายใจอ่อนแอเมื่อไรก็อาจจะเกิดปัญหาได้ มีภาวะซึมเศร้า เบื่อโลก เพราะฉะนั้นควรหาโอกาสปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ให้มากขึ้น

อยู่ให้“สุข”ถ้าเลือก“สันโดษ”

     ด้านหนุ่มโสดผู้บริหารไฟแรงแห่ง ช.การช่าง “โจ้” ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ ค่อนข้างเห็นด้วยกับผลสำรวจ บอกว่าเห็นง่ายๆ จากคนใกล้ตัวอย่างเพื่อนฝูงก็เป็นโสดกันเยอะมาก ไม่เหมือนยุคก่อนที่พ่อแม่มักแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ยุคนี้มักมุ่งมั่นทำงาน เพื่อนๆ อายุ 30 กว่าๆ ก็ไม่แต่งงาน สังคมเปลี่ยนไปแล้ว ขนบธรรมเนียมเรียนจบต้องมีลูกทันใช้ จึงค่อยๆ เปลี่ยน ซึ่งอาจจะกระทบภาพรวมหรือไม่ถ้ามีคนชอบอยู่คนเดียวมากๆ คิดว่าคงมีปัญหาเรื่องการเพิ่มประชากร เมื่อถ้าตัดสินใจแล้วก็ต้องอยู่คนเดียวให้มีความสุข ต้องเข้าใจชีวิต ต้องการอะไร อาจไม่ใช่ครอบครัวหรือการมีลูกก็ได้ ทำงานให้มีความสุขก็ได้ การมีครอบครัวเป็นทางเลือกหนึ่งเท่านั้น      

อยู่ให้“สุข”ถ้าเลือก“สันโดษ”

     พญ.พรรณพิมล วิปุลากร จิตแพทย์ครอบครัว กระทรวงสาธารณสุข ให้ความเห็นเกีี่ยวกับประเด็นนี้ว่า มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งกลุ่มคนที่อยู่ตัวคนเดียวแบ่งเป็นกลุ่มเด็กที่เดินทางจากบ้านเกิดมาใช้ชีวิตและเรียนหนังสือในเมือง ส่วนคนทำงานคือการออกไปมีอาชีพ ไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนาของตัวเอง การออกมาแบบนี้ก็เหมือนตัวคนเดียว อยากทำอาชีพที่เลือก แต่งานที่เลือกก็ห่างไกลบ้านก็ต้องยอม จึงมักเลือกงานก่อนที่จะคิดถึงการต้องอยู่พร้อมหน้าครอบครัว ยังดีที่ทุกวันนี้เริ่มเห็นแนวโน้มเด็กรุ่นใหม่กลับไปภูมิลำเนามากขึ้น แต่ก็ยังมีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่าที่เลือกปักหลักทำงานที่อื่น เพราะรู้สึกว่าอยู่ตามลำพังในเมืองก็สามารถอยู่ได้

     ส่วนกลุ่มคนโสดหรือคนที่ตั้งใจอยู่คนเดียว ต้องยอมรับว่ากลุ่มนี้หลายคนคิดอยากมีคู่แต่ปรากฏว่าไม่ลงตัว หรือไม่เจอคนที่คิดว่าใช่ จึงรู้สึกว่าอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตลำพังก็ได้ เลือกที่จะมีเพื่อนมากขึ้น หรือไปเจอคนที่เป็นโสดมากขึ้น เลยทำให้สังคมมีสมาชิกกลุ่มนี้มากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จำนวนคนไม่แต่งงานมีน้อย อาจรู้สึกแปลกแยก แต่ทุกวันนีี้สังคมเปิดใจ ไม่ได้มองว่าแปลก พวกเขาจึงไม่รู้สึกแตกต่างจากคนอื่น บางคนจึงตั้งใจอยู่ไปเรื่อยๆ อยากใช้ชีวิตตามลำพังมากกว่าการพยายามขวนขวายหาคู่หรืออยู่ร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้าน 

อยู่ให้“สุข”ถ้าเลือก“สันโดษ”

     ผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาครอบครัวมองว่า หากมีคนตั้งใจใช้ชีวิตคนเดียวในบ้านเพิ่มมากขึ้นทุกปีก็อาจกลายเป็นปัญหาในอนาคต ซึ่งทุกวันนี้เห็นชัดว่าอัตราการเกิดของประเทศไทยต่ำอยู่แล้ว หรือมองไปในหลายประเทศคนเลือกไม่มีลูกหรือไม่อยากมีครอบครัวเพิ่มขึ้นเหมือนกัน คงต้องมาดูว่า คนที่อยากอยู่คนเดียวเลือกวางแผนชีวิตอย่างไร พอเข้าสู่วัยผู้สูงอายุจะออกแบบยังไง ตอนนี้เมืองไทยพบสถิติคนสูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นสังคมผู้สูงอายุไปแล้ว

     “อยู่คนเดียวอย่างไรให้มีความสุข ต้องมองเรื่องตัวเองปัจจุบัน และอนาคตให้ดี ทุกวันนี้ต้องเลือกอะไรที่ทำแล้วมีความสุข พร้อมกับรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วย เพราะคนเราต้องมีความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ยุคนี้จะใช้วิธีปฏิสัมพันธ์บนโลกโซเชียลอย่างเดียวคงไม่พอ ยังจำเป็นต้องเจอกันด้วย เพื่อรับรู้ถึงความรู้สึกที่จับต้องได้มากกว่าการแชท นอกจากนี้ต้องบอกตัวเองว่า ถ้าเลือกชีวิตแบบนี้แล้วต้องอยู่ให้ได้ถ้าจำเป็นต้องอยู่ พยายามหางานอดิเรก วางแผนชีวิตในอนาคต เพราะอายุเยอะก็มากขึ้นเรื่อยๆ อะไรต้องวางแผน อะไรต้องเตรียมไว้ ต้องจัดการให้เรียนร้อยก่อนถึงอายุแต่ละช่วง วิเคราะห์ให้ออกว่ามีโอกาสเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเราบ้าง แต่สำคัญว่าระบบเครือญาติก็ต้องยังเหลืออยู่ เพียงแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เหล่านี้ต้องคิดเผืิ่อ” พญ.พรรณพิมล กล่าว

อยู่ให้“สุข”ถ้าเลือก“สันโดษ”

    พร้อมกันนี้ คุณหมอยังฝากข้อคิดทิ้งท้ายว่า คำว่าครอบครัวไม่ต้องใช้ระยะทางเป็นตัวกำหนด ยุคนี้มีเทคโนโลยีสื่อสารฉับไว ใช้ให้เกิดประโยชน์ พุดคุยกัน แม้ญาติพี่น้องจะอยู่ห่างกันแต่วิถีวัฒนธรรมยังมี กลับบ้านภูมิลำเนา อยู่ที่ไหนก็มีญาติ มีช่วงให้ใช้เวลาดีดีร่วมกันได้

      เลือกแล้วที่จะอยู่ “คนเดียว” ก็ต้องใช้ชีวิตและมีความสุขให้ได้...ถามใจตัวเอง...