แช่น้ำร้อนเพื่อสุขภาพที่บ่อน้ำพุร้อนเมืองระนอง เมืองที่มีอะไรมากกว่าผู้คน เหนือสุดอันดามัน
ปักษ์ใต้ช่วงฤดูร้อนเดือนเมษายนปีนี้มีฝนกระหน่ำลงมาไม่เว้นแต่ละวัน สลับกับแดดที่แผดเปรี้ยงในยามที่เมฆยังก่อตัวไม่เสร็จ เช่นเดียวกับเมืองฝนแปดแดดสี่ "ระนอง" จังหวัดเล็กๆ ชายฝั่งอันดามันที่ครองแชมป์ประชากรน้อยที่สุดในประเทศไทยมานานแสนนาน (ไม่นับรวมแรงงานต่างด้าว) ถึงแม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงมาก เนื่องจากมีพื้นที่ติดกับทะเลและประเทศเมียนมา โดยเฉพาะการทำประมงทั้งในและนอกน่านน้ำ สามารถแปรรูปอาหารทะเลได้ครบวงจรเนื่องจากมีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเหลือเฟือ จนคนระนองแท้ๆ พูดเย้ากันเล่นว่า ตามถนนในเมืองหากมีคนเดินมาสิบคนสันนิษฐานได้เลยว่าเป็นชาวพม่าเสียเก้าคน ซึ่งก็ไม่ไกลจากความจริงมากนัก
นอกจากมีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังอุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งโบราณสถาน ตลอดจนสถาปัตยกรรมเก่าแก่ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางทางธรรมชาติทั้งภูเขาทะเลที่สวยงามไม่แพ้จังหวัดใกล้เคียง และสิ่งหนึ่งที่ระนองมี แต่ที่อื่นไม่มีคือ "บ่อน้ำพุร้อน" ที่มีชื่อเสียงขึ้นชื่อคู่เมืองระนองมาแสนนาน ซึ่งบ่อน้ำพุร้อนดังกล่าว ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะรักษะวาริน ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของเทศบาลเมืองระนอง มีจำนวน 3 บ่อ ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี้มีขนาดแตกต่างกัน คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว
บ่อพ่อ ปัจจุบันเป็นบ่อปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่ที่สุด ลักษณะเป็นบ่อวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.80 เมตร สูง 0.80 เมตร น้ำมีลักษณะใสและมีฟองก๊าชคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ผุดขึ้นมาจากก้นบ่อ มีควันลอยคลุ้งอยู่เหนือผิวน้ำตลอดเวลาแต่ไม่มีกลิ่นกำมะถัน บางส่วนของปากบ่อด้านนอกมีการสะสมตัวของแร่แคลไซต์คล้ายหินปูนจับอยู่ อุณหภูมิของน้ำร้อนวัดได้ 65 องศาเซลเซียส เช่นเดียวกับบ่อแม่และบ่อลูกสาวที่ตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
ซึ่งน้ำที่ผุดขึ้นมาจากบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ได้รับการวิเคราะห์จากกรมวิทยาศาสตร์บริการว่าประกอบด้วยแร่ธาตุที่สำคัญและเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปน จึงทำให้ไม่มีกลิ่นกำมะถันและมีความบริสุทธิ์สามารถดื่มได้จากแหล่งกำเนิด โดยไม่ต้องผ่านการกลั่นกรอง ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก
ภายในบริเวณบ่อน้ำพุร้อนจะแยกเป็นสัดส่วน มีทั้งสถานที่ให้บริการอาบน้ำแร่บำบัดรักษาสุขภาพ อีกทั้งมีบ่อแช่เท้าเพื่อผ่อนคลายเส้นและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังลานพื้นซีเมนต์ให้นอนเล่นพักผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากไอของบ่อน้ำพุร้อนในบริเวณใกล้เคียงกัน
บ่อน้ำพุร้อน นอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายของชาวระนองแล้ว คนทั่วไปยังเชื่อว่าสามารถบำบัดโรคได้หลายชนิดโดยเฉพาะอัมพฤกษ์ อัมพาต ทำให้ตลอดทั้งวันในช่วงเวลาเย็นจะมีคนนำภาชนะมาใส่น้ำร่อนจากบ่อพ่อ กลับไปใช้ประโยชน์ต่อที่บ้าน ซึ่งหลังจากปิดให้บริการประมาณ 3 ทุ่ม เจ้าหน้าที่จะเข้าทำความสะอาดบ่อที่ใช้แช่เท้าและแช่ตัวสับเปลี่ยนน้ำใหม่ เพื่อให้มีหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา
ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทั้งชาวไทยและต่างประเทศนิยมเดินทางมาสัมผัส แม้อากาศจะร้อนอบบอ้าวในช่วงนี้ แต่หลายคนยังคงต้องหาโอกาสหลบลมร้อน ไปแช่บ่อน้ำพุร้อนเมืองระนองแห่งนี้ เมืองที่มีอะไรมากกว่าผู้คน เหนือสุดอันดามัน
เรื่อง-ภาพ จรูญ ทองนวล / NationPhoto
ข่าวที่เกี่ยวข้อง