ติ๊กสาว“มละบลิ”นักพัฒนา
คนส่วนใหญ่รู้จักชาวชนกลุ่มน้อย “มละบลิ” ว่าเป็น“ตองเหลือง” เป็นคนป่า จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ อรัญวา ชาวพนาไพร หรือติ๊ก ลุกขึ้นมาพัฒนาชนเผ่ามละบลิให้มีความรู้
อรัญวา ชาวพนาไพร หรือติ๊ก เล่าว่าคนภายนอกจะเรียกตองเหลืองแต่มละบลิไม่ชอบ ซึ่งตองเหลืองไม่มีความหมาย แต่มละบลิมีความหมายว่าคนป่า ในความคิดของพี่คืออยากจะพัฒนาชนเผ่าตนเอง เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนให้เด็กได้มีการศึกษา
“ติ๊ก” บัณทิตมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ เติบโตอยู่ที่หมู่บ้านบุญยืน บ.ห้วยฮ่อม อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ที่เกิดขึ้นโดยชาวต่างชาติ โดยมีกรอบที่ถูกสร้างให้ชาวมละบลิต้องอยู่เฉพาะแต่บริเวณของตน ป้องกันจากการโดนคนภายนอกล่อลวง เรียนที่สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อ.ร้องกวง จ.แพร่ ตั้งแต่ประถมจนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 จึงตัดสินใจไปอยู่ที่ ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา จ.น่าน ในปี 2547
อรัญวา ชาวพนาไพร
เหมือนฟ้าเห็นใจ ติ๊ก เรียนจนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่กศน.บ่อเกลือ จ.น่าน มีความฝันที่อยากจะสร้างหมู่บ้านสำหรับมละบลิ ที่เร่ร่อน อาศัยรับจ้างงานจากเผ่าม้ง โดนคนอื่นเอาเปรียบบ่อยครั้ง อ.ผ่องพรรณ เอกอาวุธ ผู้จัดการศูนย์ภูฟ้าพัฒนา จ.น่าน จึงชวนติ๊ก ทำงานวิจัยเกี่ยวกับชนเผ่ามละบลิ สิ่งสำคัญในการทำวิจัยครั้งนี้คือ การเปิดทางให้ได้พบว่ายังมีพื้นดินพระราชทานที่บ่อเกลือ ชาวมละบลิสามารถมาอาศัยอยู่ได้ ในพื้นที่ 7 ไร่ อยู่ในการดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จ.แพร่
โดยเริ่มเข้าอาศัย เมื่อพ.ศ. 2552 พร้อมกับ ชาวมละบลิอีก8 คน ร่วมถึงพ่อแม่ ทำให้ชาวมละบลิที่อยู่ห้วยฮ่อมย้ายถิ่นอาศัยมาที่ อ.บ่อเกลือ ในบางส่วน เริ่มเกิดการสร้างที่อยู่อาศัย หาแนวทางเลี้ยงชีพ ด้วยจำนวนประชากร 77 คน 19 ครัวเรือน
โดยเป้าหมายหลักของ ติ๊ก คือพัฒนาการศึกษาให้เด็กและเยาวชน ได้สร้างอนาคตของตนเองและกลับมาพัฒนาชาวมละบลิในพื้นที่อื่นๆ โดยมีหน่วยงาน กศน.บ่อเกลือ จ.น่าน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จ.แพร่ ได้เข้ามาช่วยบริจาคอาคารเรียน โรงเรียนศูนย์ชาวเขาแม่ฟ้าหลวง สังกัด กศน. และเด็กเล็กที่ต้องเริ่มเรียนรู้ก็ได้ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี ( มจธ.) ร่วมสร้างศูนย์เตาะแตะ เพื่อเด็กอายุ 3-6 ปี
รวมถึงสื่อการเรียนการสอน เพื่อวางพื้นฐานการศึกษา ในการก้าวออกไปเรียนด้านนอกหมู่บ้านมละบลิ เพราะการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการพัฒนา มจธ. ยังได้เข้ามาส่งเสริมให้ เยาวชนมีกระบวนการคิด การวางแผน สอนชาวบ้านการปลูกผัก ปลูกข้าว ทำรายได้เสริมคือ กระเป๋า ไม้เท้าจากไม้ไผ่ น้ำผึ้งป่า จนชาวมละบลิสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ รู้จักสังคม และมีการวางแผนชีวิตของแต่ละครอบครัว
โสภา ศรีชาวป่า หรือ โสภา อายุ 25 ปี กำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษาปีที่ 4 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ ย้ายมาอยู่ที่บ่อเกลือประมาณ 9 ปี ความฝันคืออยากพัฒนาหมู่บ้านให้ดีขึ้น ความเป็นอยู่ของพี่น้องให้ดีขึ้น ให้พ่อแม่ได้เห็นความสำคัญเรื่องการเรียน เพราะแต่ก่อนพ่อแม่จะเห็นเรื่องการรับจ้างเป็นอันดับหนึ่งไม่ได้สนใจครอบครัว อยากจะรักษาภาษาของมละบริไว้
ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายที่เรียนของ โสภา จะได้รับการสนับสนุนจากกรมอุทยาน ที่เธอต้องรับจ้างทำงานได้ค่าแรงวันละ 180 บาท และเงินจากศูนย์ภูฟ้าเป็นจำนวนเงิน 2,080 ต่อครอบครัว มจธ. จะดูแลเรื่องอาชีพ ทำบัญชีร่ายรับรายจ่าย บัญชีครัวเรือนและบัญชีที่ทำการค้าขาย ตั้งใจว่าถ้าเรียนจบจะเอามาสอนชาวบ้าน
ปลูกต้นกล้าอย่างใส่ใจ เติบดตอย่างแข็งแรง สุภารัตน์ ขันหลวง หรือ ครูนวล อายุ 32 ปี ย้ายมาจากในเมืองรับหน้าที่สอนชั้นประถมศึกษา 5-6 โรงเรียนศูนย์ชาวเขาแม่ฟ้าหลวง สังกัด กศน. ตั้งแต่ปี 2553 เพราะเห็นว่าการศึกษาสำคัญสำหรับเยาวชนชนเผ่ามละบลิ มองเห็นปัญหาที่เมื่อเด็กชนเผ่ามละบลิไปเรียนนอกหมู่จะมีปัญหาโดนล้อ เรียนตามไม่ทัน และไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง จึงทำให้เด็กเรียนแบบไม่มีความสุข
โดยเปิดสอนตั้งแต่อนุบาลถึงประถมศึกษาที่ 6 นักเรียนทั้งหมด 22 คน อนุบาล 10 คน ประถมศึกษา 12 คน ในแต่ละช่วงชั้นมีเด็กประมาณ 2-3 คน มีครูที่รับผิดชอบ 3 คนและครูพี่เลี้ยง ด้วยนักเรียนน้อย พื้นที่การสอนจำกัดอาคารชั้นเดียวจึงต้องเรียนร่วมชั้นกัน แบ่งเป็นสามส่วนโดยมีตู้หนังสือกั้น คือ อนุบาล2กับประถมศึกษาปีที่ 1 ประถมศึกษาปีที่ 2กับประถมศึกษาปีที่3-4 ประถมศึกษาปีที่5กับประถมศึกษาปีที่6 เน้นสาระภาษาไทยคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อังกฤษ และสาระที่พัฒนาขึ้นมาคือ สาระของมละบลิ นักเรียนที่จบจะศึกษาต่อในระดับมัธยมที่ กศน. อ.บ่อเกลือ จ.น่าน อยากให้เด็กที่เรียนเขามีอนาคตที่ดี เรียนสูงๆ เอามาใช้ในชีวิตได้
สุเมธ ท่านเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและสนับสนุนมูลนิธิโครงการหลวง และโครงการตามพระราชดำริ สถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ มจธ. กล่าวว่า ตามโครงการภายใต้แผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โดยเน้นเรื่องการศึกษาพัฒนาอาชีพให้กับเด็กและเยาวชน มจธ. เข้าไปในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือโดยมีเป้าหมายว่า สิ่งที่เราจะเข้าไปทำในพื้นที่ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามต้องมีความมั่นคง มีคนสานต่อ และยั่งยืนในที่สุด สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อความสำนึกและหวงแหนในถิ่นอาศัยเกิดขึ้นจากคนภายในพื้นที่นั้นเอง และไม่ใช่เฉพาะคนรุ่นเก่าหรือผู้นำพื้นที่เท่านั้น แต่กำลังสำคัญที่ต้องสร้างและปลูกฝังคือกลุ่มเด็กและเยาวชนในพื้นที่ที่จะเติบโตขึ้นมาแทนที่กลุ่มคนรุ่นก่อนๆ ต่อไป
“หลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ จนตอนนี้นับว่าชนเผ่ามละบลิปัจจุบันอยู่ด้วยกันแบบมีความสุข เด็กได้เรียน พ่อแม่มีงานทำ อยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นมากเหมือนในอดีต สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้บางแล้ว” ติ๊กกล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม
0อภิญญา พวงมณี 0