“อัลลอฮูอักบัร” เป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตและสะเทือนขวัญสังคมนักศึกษาไทยในอียิปต์เป็นอย่างมาก เมื่อเกิดการปล้นระหว่างนักศึกษาต่างชาติด้วยกัน
วันนี้ได้จับเขาคุยกับผู้ใหญ่รุ่นพี่ของชมรมที่เกิดคดีโจรปล้นมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเตือนสติและเพื่อให้โลกรู้ว่าเราต้องทำอย่างไรต่อไป
“อัศรินทร์ ดารากัย” บุตรชายของนายอัศนัยและนางสุนิษา ดารากัย เป็นคนจังหวัด นครศรีธรรมราช จบจาก โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร คลอง 19 เรียนคณะนิติศาสตร์อิสลาม ปี 2 อยู่อาศัยอียิปต์ 4 ปี 5 เดือน ปีนี้เข้ามาทำงานสมาคมนักเรียนไทยในกรุงไคโรฯ ในตำแหน่งเลขานุการเอก บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีคนร้ายได้บุกพังประตูในตอนตี 2 มัดมือปิดตาน้องๆในบ้านพักของชมรมมุสลิมวิทยาคาร โดยมีโทรศัพท์ 8 เครื่อง โทรทัศน์ 1 เครื่อง เงินสด เกือบ 10,000 ปอนอียิปต์ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง โน๊ตบุ้ค 2 เครื่องแท็ปเล็ต 1 เครื่อง แล้วก็ของเล็กๆ จำพวกเสื้อผ้า แว่นตา ฮาร์ดดิส สูญหาย
“อัศรินทร์ ดารากัย”
เลขานุการเอก สมาคมนักเรียนไทยในกรุงไคโรฯ เล่าว่าจากการบอกเล่าโจรใช้มีดยาวคมกริบจี้คอในขณะที่น้องๆรู้สึกตัวอยู่บนเตียงนอน ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ใกล้ตัว และรุนแรงมาก แจ้งไปยังสมาคมนักเรียนไทย ฯ หลังจากนั้นสมาคมฯแจ้งไปยังสถานเอกอัครราทูต พร้อมไปเยี่ยมบ้าน เพื่อสอบถามเหตุการณ์ และเป็นข้อมูลในการช่วยเหลือ
เจ้าหน้าที่จากสถานเอกอัครราชทูตฯ แจ้งไปยังตำรวจ และตรวจที่เกิดเหตุ แล้วสมาคมยังแจ้งไปยังหน่วยความมั่นคงอียิปต์ เพื่อช่วยเหลืออีกแรงหนึ่ง ทั้งสถานีตำรวจและนำเรื่องไปขอความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัรและได้รับการช่วยเหลือโดยติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแล “ฮัยอาชีร” แบบรัดกุมให้มากว่าเดิม
“อัศรินทร์" ชี้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องนำมาคิดกันอีกทีว่า สถานที่อยู่อาศัย สิ่งแวดล้อม มีความปลอดภัยหรือไม่ อย่าพกพาสิ่งของมีค่า เหตุการณ์ปล้นจี้ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บ ของที่หายไปหาใหม่มาทดแทนได้ และเหตุการณ์ในครั้งนี้ น้องๆที่รับทราบข่าวเริ่มหันมาดูแลความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเจ้าของบ้านที่ชมรมอาศัยอยู่ ได้บินมาจากอะเล็กซานเดรียมาดูแลและรับปากจะทำประตูเหล็กและรับฟังเรื่องราวพร้อมแก้ไขในทุกจุดที่จะไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอีก
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ได้ประสานในหลายๆฝ่าย นี่คือผลดีของการที่ผมเข้าทำงานกับสมาคมฯเมื่อปี 59 หนึ่งปีเต็มทำให้ผมมีสติ มีความคิด และได้รับรู้ว่าการมาศึกษาในอียิปต์ ไม่ใช่แค่ต้องการผ่านการสอบของมหาลัย แต่เราต้องผ่านการสอบของชีวิตประจำวันอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งกว่า หวังว่าจะจับได้ เพราะเรามีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และนักศึกษาในแถบนั้น จะได้หลับสบาย ไม่ต้องระแวงอีก เพราะที่แห่งนี้ มีนักศึกษาต่างชาติพักกันหลายประเทศ ซึ้งในน้ำใจของข้าราชการไทยในประเทศอียิปต์ที่สุด ต้องขอบคุณสถานทูตฯที่ช่วยเหลือสมาคมฯ มาตลอดสถานทูตฯและสมาคมคือของคู่กันเป็นตัวเชื่อมที่ดี ของนักศึกษาไทยและสถานเอกอัครราชทูตฯ” กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง