ไลฟ์สไตล์

โลกใบนี้..ดนตรีไทย  - คำถามทั้ง 9

โลกใบนี้..ดนตรีไทย - คำถามทั้ง 9

25 ส.ค. 2552

หลังจากที่หายหน้าหายตาไป 1 ฉบับ ตอนนี้ก็กลับมาประจำการที่เดิมเหมือนเดิม และที่หายไปก็เป็นเหตุสุดวิสัย และขัดข้องทางเทคนิค จนกระทั่งไม่สามารถส่งต้นฉบับได้ ก็ต้องขออภัยแฟนๆ คอลัมน์ทุกท่าน และผมมีเรื่องที่จะแจ้งให้ทราบด้วยว่าสำหรับท่านผู้อ่านที่ติดตามคำถามใ

 ตอนนี้เรากลับเข้ามาในการตอบคำถามดนตรีไทย ซึ่งมีคำถามดีๆ เป็นเวลากว่า 2 เดือนที่คุณสุรีย์ กิตติพงษ์ ได้เขียนคำถามและส่งเป็นจดหมายมาถึงบ้านผม และยังไม่ทันที่จะได้ตอบฉบับแรก ฉบับที่สองได้ถามเข้ามาอีกแล้ว โดยคำถามของคุณสุรีย์ ในข้อที่ 1 และ 2 ในเรื่องของ พระปัญจสิงขร และการขับเสภาเพลงไทย สามารถเข้าไปอ่านได้ที่เว็บไซต์ของ "คม ชัด ลึก" ได้ครับ

 ฉบับนี้ ขอเริ่มในข้อที่ 3 ซึ่งถามว่า ขอทราบที่มาของหางเครื่อง ตลอดถึงวิธีการแต่ง
 ข้อนี้ต้องขออธิบายเพิ่มว่า หางเครื่องซึ่งในสมัยโบราณเขาจะเรียกว่าท้ายเพลงและมาเป็นหางเพลง จนถึงปัจจุบันจะเปลี่ยนเรียกว่าหางเครื่อง คือ ทำนองเพลงสั้นๆ ที่จะแต่งขึ้นมาใหม่เอาไว้สำหรับบรรเลงต่อจากเพลงเถาหรือเพลงสามชั้นที่จบลงแล้ว

 ประโยชน์ก็คือสร้างความสนุก และแปลกใหม่ให้แก่ผู้ฟัง แต่ถ้าเป็นการประชันกัน 2 วงหรือมากกว่าเจ้าหางเครื่องก็จะกลายเป็นอาวุธที่เอาไว้เสียดสีหรือทิ่มแทงใจวงฝ่ายตรงข้าม แต่ก่อนหางเครื่องจะเป็นทำนองสั้นๆ เหมืองกับสรุปทำนองเพลงที่บรรเลงจบไปแล้ว โดยทำนองมักจะมีความสัมพันธ์กันซึ่งหางเครื่อง ผมเข้าใจว่ามีการพัฒนามาจากลูกหมดตบแต่งนั่นเอง แต่ปัจจุบันหางเครื่องได้พัฒนาขึ้นไปหลายแบบซึ่งก็แล้วแต่ ผู้ปรับวงของวงนั้นจะมีไอเดียแปลกมากน้อยแค่ไหน บางคนไอเดียเยอะหางเพลงก็จะยืดยาวมากเกือบเท่ากับเพลงหลัก ซึ่งอาจจะทำให้ความสนุกความแปลกกลายเป็นความน่าเบื่อก็เป็นไปได้ ส่วนวิธีการแต่งนั้นก็ต้องบอกว่ามันยากที่จะเขียนแล้วให้ผู้อ่านเข้าใจตรงนี้ได้โดยทันที เนื่องจากเป็นเรื่องของไอเดียมากกว่าเรื่องของหลักการหรือวิธีการ

 ข้อที่ 4 อยากทราบถึงคาถาอาคม ที่ใช้ในการประลองยุทธ์ปี่พาทย์ว่ามีมาตั้งแต่เมื่อใด
 ข้อนี้ต้องขอบอกตรงๆ ว่าผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคาถาอาคมเกิดขึ้นเมื่อใด และผมเองก็อยากจะทราบเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าคงไม่มีใครที่จะตอบคำถามนี้ได้อย่างแน่นอนครับ

 ข้อที่ 5 อยากทราบว่าถ้าจะเช่าพระพิฆเนศวรควรจะเป็นรุ่นไหน
 ตามความคิดของผม องค์พระพิฆเนศวรที่ศักดิ์สิทธิ์มากก็ต้องที่วิทยาลัยนาฏศิลปะเดิม หรือที่วังหน้า เพราะฉะนั้นพระพิฆเนศวรที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด ก็ต้องปลุกเสกที่นั่นก็คือในโบสถ์วังหน้า ถ้าอยากจะเช่าจริงๆ ก็เข้ามาใน E-mail : [email protected] <mailto:[email protected]> ซึ่งจะบอกให้ว่าเขามีเช่ากันที่ไหน

 ข้อที่ 6 เวลากราบเทพฤๅษีจะต้องกราบสามครั้งหรือไม่
 อันนี้ต้องตอบว่าไม่ เพราะการกราบ 3 ครั้ง เขาจะเอาไว้กราบพระพุทธ ส่วนเทพต่างๆ ทั้งมวลเขาจะกราบเพียงครั้งเดียว และไม่ต้องแบมือ ส่วนพระพุทธต้องแบมือคว่ำลงติดกับพื้น ซึ่งตรงนี้คิดว่าหลายท่านๆ ก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว

 ข้อที่ 7 อาจารย์จะพิจารณาเด็กว่าควรเล่นเครื่องดนตรีอะไร หมายถึงหลักการพิจารณา
 ในวงปี่พาทย์เขาจะให้เด็กทุกคนเรียนฆ้องวงใหญ่ก่อน ต่อจากนั้นก็จะมีหลักว่าใครกำลังแขนดีฉลาดและมีความเป็นผู้นำก็จะให้เรียนระนาด ถ้าความจำดีพูดจามีหลักการและเหตุผลก็จะให้ไปตีฆ้องวงใหญ่ แต่ถ้าเด็กมีนิสัยร่าเริงสนุกสนานและพูดเก่งก็ต้องไปเล่นระนาดทุ้ม แต่ถ้าไม่มีทั้งหมดครูโบราณก็จะให้ไปตีตะโพน และ กลองต่างๆ

 ข้อ 8 ถามว่าตามความคิดของอาจารย์ใครเป็นสุดยอดนักระนาดในยุคของรัชกาลที่ 9 และเหตุผลใด

 ข้อนี้สำหรับผมบอกได้เลยว่าคนนั้นคือ ครูสุพจน์ โตสง่า บิดาของผมเอง เหตุผลก็คือในตอนสมัยหนุ่มๆ จะมีความไหวมากที่สุดและมีอะไรหลายอย่างที่คนอื่นคิดไม่ถึง โดยเฉพาะความรู้รอบตัว และสัมผัสที่หก ที่สามารถบอกกล่าวให้ผมทราบได้ก่อน และที่สำคัญที่สุดก็คือ เสียงระนาดไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน

 ข้อที่ 9 ถามว่า อาจารย์คาดเดาการเล่นดนตรีไทยและประพันธ์เพลงไทยในอนาคตว่าจะเป็นเช่นไร
 ข้อนี้ขออนุญาตไม่ตอบ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมเป็นคนกำหนดอนาคตของดนตรีไทยเสียเอง แต่ก็คิดว่ามันก็คงเป็นเหมือนกับปัจจุบันนี้แหละครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปัจจุบันนี้มันดีขึ้นหรือแย่ลง  
 
 เดี๋ยวฉบับหน้าค่อยมาว่ากันใหม่ก็แล้วกันนะครับ สวัสดี

"ขุนอิน"