ไลฟ์สไตล์

หลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ

หลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ

01 พ.ย. 2559

วัดบัลลังก์ พระเกจินักพัฒนาแห่งเมืองโคราช

พระครูประโชติปัญญากร (หลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ) วัดบัลลังก์ หนึ่งในพระวิปัสสนาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นที่เลื่องลือ จนได้รับการยกย่องว่า เป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าแห่งเมืองย่าโม

หลวงพ่อคูณ เป็นศิษย์กรรมฐานสาย พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พรหมจักโก) วัดพระพุทธบาทตากผ้า ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูนหลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ฯลฯ

หลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ

“ปรีชา จินากูล” เป็นชื่อและนามสกุลเดิมของท่าน เกิดที่บ้านบัลลังก์ เลขที่ ๙ หมู่ ๑๑ ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา วันพุธที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๔ โยมบิดาชื่อ “พงษ์” โยมมารดาชื่อ “จรัส” เป็นบุตรคนที่ ๒ ในจำนวนพี่น้องร่วมมารดาบิดาเดียวกัน ๙ คน หลังจากจบประถมปีที่ ๔ ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อเพราะครอบครัวในเวลานั้นยากจนมาก ประกอบกับบิดามาเสียชีวิต แม่ต้องทำงานหนักขึ้นไปอีกเพื่อเลี้ยงดูน้องๆ ที่ยังอยู่ในวัยที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ในฐานะที่เป็นลูกชายคนโตจึงต้องรับภาระเป็นหัวหน้าครอบครัว เพราะน้องๆ ก็หลายคน ต้องทำไร่ไถนาอยู่หลายปี

หลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ

เมื่อน้องๆ โตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว จึงเดินทางเข้าหางานทำในกรุงเทพฯ ในเวลานั้นไม่เลือกงาน ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างขายกาแฟ ขายก๋วยเตี๋ยว ต่อมาไปเป็นช่างเงินช่างทอง โดยทำงานที่กรุงเทพฯ ระหว่าง พ.ศ.๒๕๑๐-๒๕๒๑ เพื่อนำเงินส่งให้ผู้เป็นมารดาไว้ใช้เลี้ยงดูน้อง ในที่สุดจึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำอยู่ เดินทางกลับบ้านที่ จ.นครราชสีมา เพื่อบวชในพระพุทธศาสนา

หลวงพ่อคูณ อุปสมบท ณ อุโบสถวัดหนองกระธาตุ ต.โคกสะอาด อ.หนองแซง จ.สระบุรี เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๑ มีพระครูผาสุกิจโสภณ เจ้าคณะอำเภอหนองแซง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการขันธ์ อินฺทโชโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “วรปญฺโญ” จำพรรษาแรกที่วัดหนองกระธาตุ ก็พยายามท่องหนังสือสวดมนต์จนจบแล้วเกิดสนใจใคร่จะท่องหนังสือพระปาติโมกข์ดูบ้าง เขาว่าเป็นหนังสือที่ท่องยากที่สุด จึงอธิษฐานจิตขอท่องดู ใช้เวลาท่องอยู่ ๔ เดือน จึงท่องได้จบ

ด้านการศึกษาพระธรรมวินัยและภาคปฏิบัติภาวนา และธุดงค์พรรษาที่ ๑ สอบนักธรรมตรีได้ที่วัดหนองกระธาตุ จ.สระบุรี พรรษาที่ ๒ ไม่ได้สอบนักธรรม หันไปปฏิบัติพระกรรมฐาน (จำพรรษาที่วัดสุวรรณประสิทธิ์) พรรษาที่ ๓ สอบนักธรรมชั้นโทได้ที่วัดสุวรรณประสิทธิ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ พ.ศ.๒๕๒๓ พรรษาที่ ๔ สอบนักธรรมชั้นเอกได้ที่วัดเกาะสีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา พ.ศ.๒๕๒๔

หลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ

หลังออกพรรษาที่ ๒ แล้ว เข้าอบรมเป็นพระวิปัสสนาจารย์ประจำศูนย์วิปัสสนาเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย (รุ่นที่ ๘) เมื่ออบรมแล้วถูกส่งไปเผยแผ่ที่วัดสำโรงพลัน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ และคราวออกพรรษาที่ ๔ ก็ไปสอนวิปัสสนาที่วัดป่าเขาเหิบ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อมีเวลาก็ออกธุดงค์ไปในที่ต่างๆ เพื่อออกป่าหาความวิเวกพร้อมทั้งแสวงหาพระอาจารย์ที่ทรงคุณธรรมที่สูงขึ้นไป

เส้นทางเดินธุดงค์ ภาคตะวันออก ตั้งแต่จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก มาทาง อ.ปากพลี ขึ้นเขาใหญ่ ทะลุออกมา อ.ปากช่อง โดยถือธุดงควัตรคืออยู่โคนไม้ ถือผ้า ๓ ผืน ฉันมื้อเดียว ฉันรวมในบาตร และบิณฑบาตเป็นวัตร ทางภาคเหนือ ตั้งแต่เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ลงมาจนถึงเพชรบูรณ์ และชัยภูมิ ทางภาคใต้ถึง จ.นครศรีธรรมราช ระหว่าง พ.ศ.๒๕๒๒-๒๕๒๓ แถว อ.ร่อนพิบูลย์ อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

พ.ศ.๒๕๒๕ หลวงพ่อคูณได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบัลลังก์ พ.ศ.๒๕๒๗ รักษาการเจ้าคณะตำบลบัลลังก์ พ.ศ.๒๕๒๘ เป็นเจ้าคณะตำบลบัลลังก์ พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นพระอุปัชฌาย์

ส่วนสมณศักดิ์นั้น พ.ศ.๒๕๒๖ เป็นพระใบฎีกา ฐานาเจ้าคณะอำเภอโนนไทย พ.ศ.๒๕๓๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูประโชติปัญญากร เจ้าคณะตำบลชั้นตรี พ.ศ.๒๕๔๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท พ.ศ.๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก

วิปัสสนากรรมฐานดีทุกสาย

วิชชา มโนมยิทธิ เป็นหลักสูตรทางพระพุทธศาสนาในด้านวิชชา ๓ กึ่งอภิญญา คำว่า มโนมยิทธิ แปลว่า มีฤทธิ์ทางใจ เป็นวิชชาที่หลวงพ่อฤาษี ลิงดำนำมาสอนศิษยานุศิษย์และพุทธบริษัท โดยมีจุดประสงค์สำคัญเพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้พิสูจน์พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องนรก สวรรค์ พรหม พระนิพพาน ว่าเป็นสิ่งที่มีจริงเป็นจริง เป็นการสร้างกำลังใจ และทำให้การปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์เป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว

ผู้ที่ฝึกมโนมยิทธิได้ การทรงอารมณ์ พระโสดาบัน จะได้ผลอย่างรวดเร็ว เพราะพระโสดาบันละสังโยชน์ได้ ๓ ข้อ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส หลวงพ่อฤาษีลิง วัดท่าซุง ท่านกล่าวไว้ว่า การละสักกายทิฏฐิของพระโสดาบัน คือ คิดว่าตัวเราจะต้องตายแน่ และให้นึกถึงความตายอยู่เสมอ คิดว่าเราอาจจะตายวันนี้พรุ่งนี้ จะได้ไม่ประมาทในชีวิต

หลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หลวงพ่อคูณจะคิดสร้างพระเครื่องนั้น ท่านไปฝึกสมาธิก่อนที่จะคิดสร้างพระ ไปฝึกสมาธิกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำถึง ๒ หน ท่านสอนได้ครบกรรมฐานทั้งสี่แบบ ทั้งสุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ และปฏิสัมภิทัปปัตโต ที่ชอบมาก คือ มโนมยิทธิ ที่ท่านสอน จึงนำแนวทางนั้นมาปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้

หลวงพ่อคูณ พูดถึงการปฏิบัติพระกรรมฐานไว้อย่างน่าคิดว่า “ไม่ว่าจะเป็นสายใดก็ดีทุกสาย ขึ้นอยู่กับว่าจะถูกจริตกับเราหรือไม่ เพราะทุกสายมีจุดมุ่งหวังเดียวกัน คือเพื่อความพ้นทุกข์ ต่างกันแต่ว่าใครจะพ้นทุกข์ได้ช้าหรือเร็วกว่ากัน”

๕ พฤศจิกายน ทอดกฐินพัฒนาวัด

เหตุที่หลวงพ่อคูณมาจำพรรษาที่ดบัลลังก์ก็ด้วยเวลานั้นเดินธุดงค์จาก จ.บุรีรัมย์ กับเพื่อนภิกษุผ่านมาทาง อ.โนนไทย ซึ่งเป็นถิ่นเกิด จากกันมานานไม่เคยมาเยี่ยมญาติโยมเลย เมื่อญาติโยมเห็นก็ดีใจและนิมนต์ให้อยู่ช่วยพัฒนาวัดที่ใกล้จะร้าง มีเพียงพระหลวงตาอยู่เฝ้าวัดไปวันๆ รูปหรือสองรูปเท่านั้น เป็นวัดเก่าแก่ สร้างมานานแต่ไม่มีใครคิดจะพัฒนา จึงตัดสินใจรับนิมนต์อยู่เพื่อพัฒนาวัดบัลลังก์ตั้งแต่กลางปี ๒๕๒๕

หลวงพ่อคูณนำศรัทธาญาติโยมเริ่มปรับปรุงศาลาการเปรียญ สร้างกุฏิสงฆ์ ซื้อที่ขยายวัด ขุดลอกสระวัดเพื่อให้มีน้ำใช้ได้ตลอดปี สร้างกำแพงวัด สร้างซุ้มประตูวัด สร้างพระพุทธรูป สร้างพิพิธภัณฑ์เก็บของโบราณที่ขุดพบได้บริเวณวัดและที่ต่างๆ จนกลายเป็นวัดที่สมบูรณ์ด้วนศาสนสถาน และ ศาสนทายาท

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้วัดมีโครงการก่อสร้างหลายอย่าง รวมทั้งถมดินปรับภูมิทัศน์ จึงขอเชิญคณะศิษยานุศิษย์ร่วมงานทอดกฐิน วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ และพิธีพุทธาภิเษกเหรียญ อภิมหาเจริญพรสูง เริ่มเวลา ๐๘.๓๙ นาที หลังเสร็จพิธี เวลา ๑๐.๑๙ น. ทอดกฐิน มีวัตถุมงคลแจกทุกท่านที่ร่วมงานพิธี ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้ที่ พระอาจารย์ตุ๊ โทร. ๐๘-๑๑๓๙-๔๙๙๓